MTLS บวกแรง 5% นิวไฮตั้งแต่เข้าตลาดฯ ลุ้นกำไร Q3 โตกระฉูด
MTLS บวกแรง 5% นิวไฮตั้งแต่เข้าตลาดฯ ล่าสุด ณ เวลา 11.06 น. อยู่ที่ 37.25 บาท บวก 1.75 บาท หรือ 4.93% สูงสดที่ 38 บาท ต่ำสุดที่ 36.75 บาท ด้าน โบรกฯ แนะซื้อ ชูเป้า 42 บาท คาดกำไร Q3/60 ทำสถิติสูงสุดใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท เมืองไทย ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ MTLS ล่าสุด ณ เวลา 11.06 น. อยู่ที่ 37.25 บาท บวก 1.75 บาท หรือ 4.93% สูงสดที่ 38 บาท ต่ำสุดที่ 36.75 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 873.14 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นโดยรวมบวก 0.27%
โดยราคาหุ้น MTLS ปรับตัวขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เข้าซื้อขายในตลาดฯ เมื่อวันที่ 26 พ.ย.57
ด้าน บล.ดีบีเอสฯ ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” MTLS ให้ราคาเป้าหมาย 42 บาทต่อหุ้น โดยคาดว่ากำไรสุทธิปี 60-61 จะขยายตัวสูงต่อที่ 58% และ 37% ตามลำดับ โดยมีปัจจัยหนุนหลักคือการขยายสาขาราว 600 แห่งต่อปี และจะยังเดินหน้าแผนขยายต่อไปถึงปี 63 ส่งผลให้จำนวนสาขาจะเพิ่มเป็น 4 พันแห่งในสิ้นปี 63 และขนาดพอร์ตสินเชื่อจะแตะ 1 แสนล้านบาทได้ในช่วงนั้น
ทั้งนี้ผู้บริหารมีแผนระดมทุนด้วยการกู้ยืมธนาคารและผ่านตลาดทุน สำหรับสถานะ D/E ratio สิ้นมิ.ย.60 อยู่ที่ 2.9 เท่า โดยเป็นหนี้ระยะสั้น : ระยะยาวที่ 50 : 50 โดยมีแนวโน้มว่า D/E จะเพิ่มขึ้นจากการขยายสินเชื่อ แต่ก็จะไม่เกินเพดาน 4.0 เท่าซึ่งเป็นเงื่อนไขของธนาคารที่ให้กู้ยืม แล้วค่อยไปลดลงหลังปี 63
ด้านการบริหารคุณภาพสินทรัพย์ได้ดี – NPL ratio คาดว่าจะไม่เกิน 1.5% เมื่อพิจารณาจากผลิตภัณฑ์การเงินที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน ด้าน Spread ก็จะไม่น้อยกว่า 20% ในระยะต่อไปเพราะมี Economy of scales
ทั้งนี้ยังมองหาโอกาสขยายธุรกิจในต่างประเทศด้วย โดยอาจเป็นลักษณะการร่วมทุนกับพันธมิตรธุรกิจในประเทศนั้นๆ ที่ดูอยู่จะเป็นธุรกิจสินเชื่อรถจักรยานยนต์ในเวียดนาม ซึ่งประเทศนี้มีจำนวนรถจักรยานยนต์สูงเป็น 2 เท่าของไทย แต่ขณะนี้กฎหมายและระเบียบของเวียดนามยังไม่รองรับธุรกิจนี้มากพอ จึงต้องรอไปอีกระยะหนึ่งก่อน
ส่วน บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ คาดว่ากำไรสุทธิของ MTLS จะทำสถิติสูงสุดใหม่ในไตรมาส 3/60 จากปัจจัยด้านฤดูกาล โดยการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องทำให้คาดว่าสินเชื่อของทั้งสองบริษัทน่าจะโตได้ประมาณ 10-11% จากไตรมาสก่อน ในขณะที่คาดว่าของ MTLS จะโต 33% YTD
ทั้งนี้คาดว่า margin ของ MTLS จะทรงตัว ดังนั้นจึง de-rate ราคาเป้าหมายลง และเนื่องจากเหลือ upside ไม่มาก จึงปรับลดน้ำหนักกลุ่ม non-bank เป็น Neutral