ก.ล.ต.เชือด “มิทซึจิ” 3 ข้อหาหนัก ทำธุรกรรมอำพรางตกแต่งบัญชี-ยักยอกเงิน ตลท.สั่ง H ทันที!
ก.ล.ต. กล่าวโทษ “มิทซึจิ” ผู้บริหาร GL ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ฐานทุจริต เบียดบังทรัพย์สินและทำบัญชีไม่ถูกต้อง ส่งผลให้กำไรสูงเกินจริง ด้านตลท. สั่งขึ้นเครื่องหมาย H ทันที!
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ (16 ต.ค.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้มีหนังสือกล่าวโทษผู้บริหารบริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กรณีทุจริตทำธุรกรรมอำพรางเพื่อให้ผลประกอบการสูงเกินความจริง
สืบเนื่องจากในงบการเงินงวดปี 2559 ของบริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL ที่ผู้สอบบัญชีมีข้อสังเกตเกี่ยวกับธุรกรรมการให้กู้ยืมแก่ลูกหนี้ในต่างประเทศ ซึ่งส่งผลให้ผลประกอบการของ GL เพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น ก.ล.ต. ได้กล่าวโทษ นายมิทซึจิ โคโนชิตะ ผู้บริหาร GL ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กรณีทุจริต เบียดบังทรัพย์สินของบริษัท และทำบัญชีไม่ถูกต้อง โดยทำธุรกรรมอำพรางผ่านบริษัทที่เกี่ยวข้องในต่างประเทศหลายแห่ง เพื่อให้ผลประกอบการของ GL สูงเกินความจริง
โดยก.ล.ต. ได้ตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า นายมิทซึจิให้บริษัท กรุ๊ปลีส โฮลดิ้งส์ จำกัด (GLH) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ GL ที่ประเทศสิงคโปร์ ปล่อยกู้แก่บริษัทในต่างประเทศหลายแห่ง และพบหลักฐานว่า GLH ให้กู้แก่บริษัทที่จดทะเบียนในประเทศไซปรัส 4 แห่ง และสิงคโปร์ 1 แห่ง เป็นเงินให้กู้รวมประมาณ 54 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีนายมิทซึจิ เป็นผู้ควบคุมและเป็นผู้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง โดยเมื่อบริษัททั้ง 5 แห่งได้รับเงินกู้จาก GLH ไปแล้ว ได้นำไปหมุนเวียนในกลุ่มบริษัทผู้กู้เพื่อชำระค่าดอกเบี้ยและเงินต้นคืนแก่ GLH เป็นงวดๆ ซึ่งยอดดอกเบี้ยถูกนำไปรวมเป็นรายได้ในงบการเงิน อันเป็นการแต่งบัญชีและสร้างผลประกอบการของ GL ให้สูงเกินจริง
ทั้งนี้การกระทำของนายมิทซึจิข้างต้นเป็นการทำธุรกรรมอำพราง การยักยอก ยินยอมให้มีการลงข้อความเท็จในบัญชีและทำบัญชีไม่ตรงต่อความเป็นจริง รวมถึงบอกกล่าว เผยแพร่ ข้อความเท็จ ส่งผลกระทบต่อราคาหรือการตัดสินใจลงทุนในหลักทรัพย์
ตลอดจนขัดแย้งกับข้อมูลที่ GL ชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 13 มี.ค. 60 และการแถลงข่าวของนายมิทซึจิ ในวันที่ 14 มี.ค.60 ที่ยืนยันว่า บริษัทผู้กู้ในต่างประเทศไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับตนเอง จึงเข้าข่ายเป็นการไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ ระมัดระวัง และซื่อสัตย์สุจริต ตามมาตรา 307 มาตรา 308 มาตรา 311 มาตรา 312 และ มาตรา 313 และมาตรา 281/2 วรรคสอง ประกอบมาตรา 89/7
โดยอาจต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับเป็นเงินสองเท่าของราคาทรัพย์สิน หรือประโยชน์ที่บุคคลดังกล่าวได้กระทำการฝ่าฝืนมาตรานั้น ๆ แล้วแต่กรณี แต่ทั้งนี้ค่าปรับดังกล่าว ต้องไม่ต่ำกว่าห้าแสนบาท แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 และมาตรา 240 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2559 ก.ล.ต. จึงกล่าวโทษนายมิทซึจิ ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้การถูกกล่าวโทษทำให้นายมิตซึจิเข้าข่ายมีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจในการเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนตามประกาศ ก.ล.ต. จึงไม่สามารถเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนได้ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ
นอกจากนี้ ก.ล.ต. อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องกับกรณี GL ข้างต้น
ทั้งนี้ การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดเกี่ยวกับการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ตามกฎหมายหลักทรัพย์ และอาจเป็นการยักยอก ตามประมวลกฎหมายอาญาซึ่งเป็นความผิดมูลฐานแห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ก.ล.ต. จึงแจ้งให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
อนึ่ง การกล่าวโทษของ ก.ล.ต. เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการบังคับใช้กฎหมายทางอาญาเท่านั้น ภายใต้กระบวนการนี้ การพิจารณาวินิจฉัยว่าบุคคลใดเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายเป็นขั้นตอนในอำนาจการสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ การสั่งฟ้องคดีของพนักงานอัยการ ตลอดจนดุลพินิจของศาลยุติธรรมตามลำดับ
สำหรับการดำเนินคดีนี้ ก.ล.ต. ได้รับความช่วยเหลือจาก Cyprus Securities and Exchange Commission ในการตรวจสอบรวบรวมข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินการเอาผิดข้างต้น
ล่าสุด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้สั่งขึ้นเครื่องหมาย H หลักทรัพย์ GL ตั้งแต่การซื้อขายรอบเช้าวันนี้ 16 ต.ค.60 จนกว่าบริษัทจะได้ชี้แจงหรือเปิดเผยสารสนเทศสำคัญและผลกระทบต่อบริษัทมายังตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้