TK รุกตลาดเมียนมาเต็มสูบ หวังดันสัดส่วนเช่า-ซื้อรถในตปท.ตามเป้า 50% ภายในปี 63
TK เดินหน้าขอไลเซ่นส์ไมโครไฟแนนซ์ในเมียนมา หวังดันสัดส่วนลูกหนี้เช่าซื้อตปท.ตามเป้า 50% ภายในปี 63 โดยปัจจุบันมีบริษัทในต่างประเทศรวมแล้วทั้งสิ้น 7 สาขา
นายประพล พรประภา กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ในเมียนมา หลังก่อนหน้านี้คณะกรรมการมีมติให้จัดตั้ง บริษัท มิงกะลาบา ฐิติกร ไมโครไฟแนนซ์ จำกัด ขึ้นที่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ด้วยทุนจดทะเบียน 200 ล้านจ๊าด หรือประมาณ 4.88 ล้านบาท
โดยบริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 99% เพื่อดำเนินธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ และธุรกิจทางการเงินรูปแบบอื่นๆ ที่ได้รับอนุมัติจากหน่วยงานที่กำกับดูแลภายใต้กฎหมายของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา
ทั้งนี้ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาเป็นหนึ่งในหลายประเทศที่บริษัทศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายการลงทุน โดยเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงในการเติบโต มีประชากรประมาณ 52.89 ล้านคน ซึ่งประชากรส่วนใหญ่อยู่ในวัยหนุ่มสาวประกอบกับนโยบายเปิดประเทศเพื่อการลงทุนของภาครัฐทำให้ตัดสินใจเข้าไปลงทุน
“TK มีความพร้อมที่จะเข้าไปทำธุรกิจในเมียนมา โดยขณะนี้อยู่ระหว่างขอใบอนุญาตประกอบการจากรัฐบาลเมียนมา ทันทีที่ได้รับใบอนุญาตจากรัฐบาลก็พร้อมที่จะเริ่มดำเนินธุรกิจ เพราะได้เตรียมบุคลากร ระบบการทำงาน และสำนักงานไว้เรียบร้อยแล้ว” นายประพล กล่าว
ส่วนเงินลงทุน ระยะแรกจะมีทุนจดทะเบียน 4.88 ล้านบาท ในการดำเนินธุรกิจก่อน แล้วค่อยๆ ทยอยเพิ่มทุนตามขนาดของธุรกิจที่คาดว่าจะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ โดยบริษัทมั่นใจว่าเมียนมาเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงมาก ในขณะที่ผู้บริโภคยังเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้น้อย
นายประพล กล่าวอีกว่า การรุกตลาดเมียนมาถือเป็นการตอกย้ำนโยบายขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศเพื่อรองรับนโยบายการเพิ่มสัดส่วนลูกหนี้เช่าซื้อจากต่างประเทศ 50% ภายในปี 63
โดยปัจจุบันได้จัดตั้งบริษัทในต่างประเทศทั้งสิ้น 7 สาขา โดยมี 1 สาขาใน สปป.ลาว ซึ่งได้มีการเพิ่มทุนจำนวน 5,000 ล้านกีบ หรือประมาณ 21 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายสาขาเพิ่มอีก 2 สาขา โดยจากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 5,250 ล้านกีบ หรือประมาณ 20.81 ล้านบาทนั้น หลังจากเพิ่มทุนแล้วจะมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 10,250 ล้านกีบ หรือประมาณ 43.05 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีอีก 6 สาขาในราชอาณาจักรกัมพูชา โดยล่าสุดสามารถเปิดให้บริการครบทั้ง 6 สาขา ประเทศกัมพูชาเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้เพื่อเป็นการรองรับการขยายการบริการดังกล่าวทางบริษัทได้พิจารณาเพิ่มทุนจำนวน 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 50.3 ล้านบาท โดยทุนจดทะเบียนเดิมมีจำนวน 1 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 34.94 ล้านบาท หลังจากเพิ่มทุนแล้วจะมีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้นรวม 2.5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 83.83 ล้านบาท
สำหรับผลประกอบการใน สปป.ลาว และราชอาณาจักรกัมพูชานั้น มีการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง โดยครึ่งปีแรกของปีนี้ ธุรกิจของบริษัทในราชอาณาจักรกัมพูชาเติบโตถึง 93% ในขณะที่ธุรกิจใน สปป. ลาวเติบโต 65% ถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง โดยมีหนี้เสียในอัตราที่ค่อนข้างต่ำ ส่งผลให้สัดส่วนพอร์ตเช่าซื้อรถจักรยานยนต์จากต่างประเทศในปีนี้เพิ่มขึ้นจาก 2% ณ สิ้นปีที่แล้วมาเป็น 3% ในครึ่งปีนี้