BCP ยังมองโอกาสลงทุนสำรวจ-ผลิตปิโตรเลียม-ปรับบอร์ดรับผู้ถือหุ้นใหม่ พ.ค.นี้

BCP ยังมองโอกาสลงทุนสำรวจ-ผลิตปิโตรเลียม-ปรับบอร์ดรับผู้ถือหุ้นใหม่พ.ค.นี้


นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ BCP เปิดเผยว่า บริษัทยังคงมองหาโอกาสการลงทุนธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม พร้อมเดินหน้าขุดเจาะหลุมสำรวจและผลิตน้ำมันดิบเพิ่มเติมในแหล่ง Galoc ที่ฟิลิปปินส์ โดยมองว่าราคาน้ำมันดิบที่ระดับปัจจุบันนับว่าคุ้มทุนกับการผลิต ขณะที่เตรียมประชุมบอร์ดในวันที่ 26 พ.ค.นี้ เพื่อปรับเปลี่ยนบอร์ดหลัง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ขายหุ้นที่ถือในบริษัทออกทั้งหมดแล้ว 27.22% พร้อมย้ำสัญญาต่างๆที่ดำเนินการร่วมกับ PTT ยังคงเหมือนเดิม

ปัจจุบันการผลิตน้ำมันดิบของแหล่ง Galoc ที่ดำเนินการโดย Nido Petroleum Limited (Nido) อยู่ที่ระดับ 6,500 บาร์เรล/วัน ขณะที่ Nido ถือหุ้นในแหล่งดังกล่าวราว 55% คิดเป็นสัดส่วนการผลิตน้ำมันดิบราว 4,000 บาร์เรล/วัน และอยู่ระหว่างเตรียมการเพื่อขุดหลุมสำรวจและผลิตใหม่เพิ่มเติม

นายชัยวัฒน์ กล่าวด้วยว่า บริษัทจะมีการประชุมคณะกรรมการในวันที่ 26 พ.ค.นี้ คาดว่าจะมีการพิจารณาเรื่องการปรับเปลี่ยนคณะกรรมการบริษัทให้มีความเหมาะสม หลังจากที่ PTT ได้ขายหุ้นออกทั้งหมดให้กับกองทุนวายุภักษ์และกองทุนประกันสังคมแล้ว ซึ่งเมื่อการปรับเปลี่ยนคณะกรรมการแล้วเสร็จ ก็คงจะมีการพิจารณาเรื่องการเพิ่มทุนอีกครั้ง หลังจากที่ได้ยกเลิกการนำวาระการเพิ่มทุนจำนวน 315.38 ล้านหุ้นเข้าสู่ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2558 เมื่อวันที่ 8 เม.ย.ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตามแม้ PTT จะขายหุ้นบริษัทออกทั้งหมดแล้ว แต่สัญญาการดำเนินการต่างๆที่ทำร่วมกับ PTT ยังคงมีอยู่เหมือนเดิม ทั้งสัญญาการซื้อ-ขายน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูป ตลอดจนการเช่าคลังน้ำมันจาก PTT เนื่องจากสัญญาต่างๆมีอายุสัญญาคงเหลือประมาณ 7-8 ปี หรือสิ้นสุดในราวปี 65

ในส่วนของบริษัทก็ยังคงมองหาโอกาสการสร้างคลังน้ำมันเพิ่มเติม แต่ยังคงต้องติดตามนโยบายของภาครัฐเพื่อปรับแผนให้สอดคล้องกันด้วย โดยล่าสุดรัฐบาลมีแนวโน้มที่จะลดปริมาณสำรองน้ำมันสำเร็จรูปเหลือระดับ 1% จากเดิมที่ 6% ของปริมาณการใช้นั้น ก็เชื่อว่าจะทำให้ต้นทุนการดำเนินการของผู้ประกอบการลดลง แต่ก็จะเป็นการส่งผ่านให้กับผู้บริโภคต่อไป

นายชัยวัฒน์ กล่าวอีกว่า สำหรับแผนการจัดหาแหล่งเงินกู้ 5 ปี(ปี 58-62) วงเงิน 4 หมื่นล้านบาทนั้น โดยมีส่วนหนึ่งจะใช้ชำระคืนหนี้เงินกู้หรือหุ้นกู้ที่จะทยอยครบกำหนดจำนวน 1.7 หมื่นล้านบาทนั้น ก็จะมีเงินบางส่วนที่จะทยอยคืนหนี้ในปีนี้ แต่บริษัทยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องหาแหล่งเงินกู้เพิ่มเติม เพราะปัจจุบันมีเงินสดในมือราว 1.4 หมื่นล้านบาท

อนึ่ง เมื่อวานนี้ BCP และกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการส่งเสริมและพัฒนาเชื้อเพลิงชีวมวลเพื่อผลิตพลังงาน โดยมีแนวทางส่งเสริมและพัฒนาเชื้อเพลิงชีวมวลเพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้า,พลังงานความร้อน ทั้งในภาคอุตสาหกรรมและภาคชุมชน ซึ่งความร่วมมือดังกล่าวเป็นการสร้างรูปแบบใหม่ของชีวมวลด้วยการแปรรูป อัดเม็ดให้มีความสม่ำเสมอ ความชื้นต่ำ มาตรฐานในการซื้อขายและขนส่งสะดวก โดยคาดว่าจะเห็นเป็นรูปธรรมได้ในปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า

Back to top button