TCAP บวกเกือบ 4% นิวไฮในรอบ 21 ปี หลังQ3กำไรหรู โบรกฯแนะซื้อเป้า 58 บ.

TCAP บวกเกือบ 4% นิวไฮในรอบ 21 ปี หลังQ3กำไรหรู โบรกฯแนะซื้อเป้า 58 บ. ล่าสุด ณ เวลา 12.01 น. อยู่ที่ 53.50 บาท บวก 2 บาท หรือ 3.88% เป็นระดับสูงสุด 53.75 ต่ำสุดที่ 51.75 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 327.31 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานราคาหุ้นบริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TCAP ล่าสุด ณ เวลา 12.01 น. อยู่ที่ 53.50 บาท บวก 2 บาท หรือ 3.88% เป็นระดับสูงสุด 53.75 ต่ำสุดที่ 51.75 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 327.31 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยโดยรวมบวก 0.51%

ทั้งนี้ราคาหุ้นปรับตัวสูงสุดในรอบ 21 ปี นับตั้งแต่ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 58.08 บาท เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2539 คาดว่าที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ มีสาเหตุมาจากการที่บริษัทประกาศงบไตรมาส 3/60 ออกมาและทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบ 17 ไตรมาส

ด้าน บล.แอพเพิล เวลธ์ แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 58 บาท/หุ้น จากกำไรสุทธิไตรมาส 3/60 ที่ดีกว่าคาด ฝ่ายวิจัยจึงปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 60 ขึ้น 5% ที่ 6.9 พันลบ.  เพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อน และคาดกำไรสุทธิปี 61 ที่ 8 พันลบ. เพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อน ปรับมาใช้มูลค่าพื้นฐานปี 61 อิง P/BV 1.06 เท่าได้ราคาเป้าหมายที่ 58.50 บาทมี upside 12.5%

โดยคาดปันผลปี 60 ไว้ที่ 2.20 บาท คิดเป็น Dividend Yield 4.2% จากแนวโน้มสินเชื่อที่กลับมาขยายตัวได้ดีขึ้นขณะที่ยังสามารถคุม NPL ให้อยู่ได้ในระดับต่ำกว่าอุตสาหกรรมและกำไรที่ยังมีแนวโน้มเติบโตเฉลี่ย 15% ต่อปี

ขณะที่ บล.เคทีบี แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 56 บาท/หุ้น เนื่องจากแนวโน้มกำไรสุทธิยังเป็นขาขึ้น เพราะคาดว่าไตรมาส 4/60 ยังมีกำไรจากการขาย MBK เข้ามาเพิ่ม ซึ่งยังไม่ได้รวมในประมาณการ ประกอบกับแนวโน้มของ NPL Ratio ยังอยู่ในขาลง

TCAP ประกาศกำไรสุทธิในไตรมาส 3/60 เดินหน้าทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบ 17 ไตรมาส อยู่ที่ 1.79 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.8% จากปีก่อน และ 6.8% จากปีก่อน ดีกว่าที่และตลาดคาดไว้ 5.6% และ 4.6% ตามลำดับ จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เติบโตได้มากกว่าคาด และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่น้อยกว่าคาด ส่วนสินเชื่อในไตรมาส 3/60 เติบโตได้ดีจากสินเชื่อเช่าซื้อตามยอดขายรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่คาดว่า กำไรสุทธิในไตรมาส 4/60 ยังเติบโตได้ต่อเพราะมีกำไรจากการขาย MBK ออกมา

TCAP ประกาศกำไรสุทธิในไตรมาส 3/60 เดินหน้าทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบ 17 ไตรมาส อยู่ที่ 1.79 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.8% จากปีก่อน และ 6.8% จากปีก่อน ดีกว่าที่เราและตลาดคาดไว้ 5.6% และ 4.6% ตามลำดับ จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เติบโตได้มากกว่าคาด โดยเติบโตได้ดีที่ 3.1% จากปีก่อน และ 3.8% จากไตรมาสก่อน ตามการเติบโตของสินเชื่อเช่าซื้อและสินเชื่อ SME ส่งผลให้ NIM ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ 3.19% จากไตรมาส 2/60 ที่ 3.08%

ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานมีการปรับตัวลดลงได้ 5.1% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากไตรมาส 2/60 มีค่าใช้จ่ายพิเศษจากการปรับโครงสร้างองค์กร ส่งผลให้ Cost to Income Ratio มีการปรับตัวลดลงได้ดีที่ 48.0% จาก 52.6% ในไตรมาส 2/60

ทั้งนี้ สินเชื่อในไตรมาส 3/60 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.7% จากไตรมาสก่อน หรือ 1.7% YTD จากสินเชื่อเช่าซื้อเพิ่มขึ้น 1.9% จากไตรมาสก่อน ซึ่งสอดคล้องกับภาวะตลาดรถยนต์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และสินเชื่อ SME เริ่มกลับมาฟื้นตัวได้ เพิ่มขึ้น 2.9% จากไตรมาสก่อน ขณะที่สินเชื่อรายใหญ่ ลดลง 3.8% จากไตรมาสก่อน

อย่างไรก็ดี คาดว่าสินเชื่อเช่าซื้อจะกลับมาเติบโตได้โดดเด่นในช่วงไตรมาส 4/60 เนื่องจากเป็นช่วง High Season ของอุตสาหกรรมรถยนต์ ในแง่ของ NPL ยังคงปรับตัวลดลงได้ดีที่ 2.21% จาก 2.26% ในไตรมาส 2/60 ส่วน Coverage Ratio ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 146.4% จาก 142.7% ในไตรมาส 2/60

Back to top button