THCOM รูดไม่หยุด! 3 วันทรุด 15% หวั่นข้อพิพาทดาวเทียมไทยคม 7-8
THCOM รูดไม่หยุด! 3 วันทรุด 15% หวั่นข้อพิพาทดาวเทียมไทยคม 7-8 ล่าสุด ณ เวลา 16.07 น. ราคาอยู่ที่ 13.90 บาท ลบ 0.80 บาท หรือ 5.44% สูงสุดที่ 14.60 บาท ต่ำสุดที่ 13.60 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 221.95 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน)หรือ THCOM ล่าสุด ณ เวลา 16.07 น. ราคาอยู่ที่ 13.90 บาท ลบ 0.80 บาท หรือ 5.44% สูงสุดที่ 14.60 บาท ต่ำสุดที่ 13.60 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 221.95 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยโดยรวมบวก 0.18% โดยราคาหุ้น THCOM ปรับตัวลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ดังนั้นเมื่อคำนวณกับราคาหุ้นล่าสุดที่ราคา 13.90 บาท จะเท่ากับว่า ในช่วง 3 วันราคาหุ้น THCOM ปรับตัวลงมาแล้ว 14.72%
ทั้งนี้ ปัจจัยที่คาดว่าส่งผลให้ราคาหุ้น THCOM ปรับตัวลงแรงต่อเนื่องในวันนี้ เป็นผลมาจากกรณีกระทรวงดิจิทัลฯ แจ้งให้ดาวเทียมไทยคม 7 และดาวคมไทยคม 8 ดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารฯ ให้ครบถ้วนอาทิ การโอนกรรมสิทธิ์และส่งมอบทรัพย์สิน การจัดสร้างดาวเทียมสำรอง การชำระเงินผลประโยชน์ตอบแทน และการประกันภัยทรัพย์สิน
ด้าน บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า THCOM ปรับลดลงแรงหลังตลาดรับรู้ข่าวปัจจัยลบ หลังกระทรวงดิจิทัลเรียกร้องขอให้ดึงดาวเทียมไทยคม 7 และ 8 กลับมาอยู่ภายใต้สัมปทาน จากปัจจุบันอยู่บนใบอนุญาตฯ ซึ่งหากปฏิบัติตามที่รัฐฯ เรียกร้อง ต้นทุนส่วนแบ่งรายได้ไทยคม 7 และ 8 จะเพิ่มเป็น 22.5% ในระยะยาว กำไรลดลงปีละ 46.5
อนึ่ง เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 60 บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 5 ต.ค.60 บริษัทได้รับหนังสือจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม แจ้งว่าดาวเทียมไทยคม 7 และดาวเทียมไทยคม 8 เป็นดาวเทียมภายใต้สัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ
โดยลงนามเมื่อวันที่ 11 ก.ย.34 ระหว่าง บริษัทและกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเดิม โดย INTUCH ได้จัดตั้ง THCOM ขึ้นมาเพื่อดำเนินงานตามสัญญาดังกล่าว โดยหนังสือจากกระทรวงดิจิทัลฯ ระบุให้ปฏิบัติตามสัญญาดำเนินกิจการสื่อสารให้ครบถ้วนโดยด่วน อาทิ การโอนกรรมสิทธิ์และส่งมอบทรัพย์สิน การจัดสร้างดาวเทียมสำรอง การชำระเงินผลประโยชน์ตอบแทน และการประกันภัยทรัพย์สิน
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 18 ต.ค.60 ได้พิจารณาและหารือกับที่ปรึกษากฎหมายแล้วมีความเห็นว่าดาวเทียมทั้ง 2 ดวงไม่ใช่ดาวเทียมภายใต้สัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสาร แต่เป็นการดำเนินการภายใต้กรอบของการรับใบอนุญาตจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)
อีกทั้งบริษัทได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขและข้อกำหนดในสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารอย่างครบถ้วน โดยไม่ได้ดำเนินการใด ๆ ขัดต่อสัญญา ซึ่งแตกต่างจากความเห็นของกระทรวงดิจิทัลฯ
ดังนั้น ที่ประชุมจึงมีมติให้บริษัทยื่นเสนอข้อพิพาทดังกล่าวต่ออนุญาโตตุลาการเพื่อพิจารณาชี้ขาดข้อพิพาทที่เกิดขึ้น โดยบริษัทได้ดำเนินการยื่นข้อโต้แย้งต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการในวันที่ 25 ต.ค.60 เป็นข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 97/2560
อนึ่ง บริษัทชี้แจงว่าในขณะที่ข้อพิพาททอยู่ระหว่างการพิจารณาของอนุญาโตตุการ บริษัทยังไม่มีหน้าที่ในการปฏิบัติตามที่กระทรวงดิจิทัลฯ ได้กล่าวอ้างจนกว่าจะมีการชี้ขาด