ตลาดหุ้นเอเชียร่วงยกแผง หลังดาวโจนส์ปิดลบวิตกการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลสหรัฐฯล่าช้า

ตลาดหุ้นเอเชียร่วงยกแผง หลังดาวโจนส์ปิดลบ วิตกการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลสหรัฐฯอาจล่าช้ากว่ากำหนด


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากที่ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืน โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่  23,348.74 จุด ลดลง 85.45 จุด หรือ -0.36% เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลต่อรายงานข่าวที่ว่า การปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลของสหรัฐอาจดำเนินไปอย่างล่าช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะเดียวกันนักลงทุนยังคงจับตาผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คนใหม่ รวมทั้งการประชุมเฟดซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 31 ต.ค. – 1 พ.ย.

โดยดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 21,897.29 จุด ลดลง 114.38 จุด, -0.52% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,381.00 จุด ลดลง 9.34 จุด, -0.28% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 28,247.00 จุด ลดลง 89.19 จุด, -0.31%

ด้าน ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,500.21 จุด ลดลง 1.72 จุด, -0.07% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,364.00 จุด ลดลง 11.97 จุด, -0.35% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,747.40 จุด ลดลง 0.95 จุด, -0.05% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,768.90 จุด เพิ่มขึ้น 12.03 จุด, +0.11%

ทั้งนี้ นักลงทุนยังคงจับตาผู้ที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งประธานเฟดต่อจากนางเจเน็ต เยลเลน ซึ่งจะครบวาระการดำรงตำแหน่งในเดือนก.พ.ปีหน้า โดยเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะเสนอชื่อประธานเฟดคนใหม่ในวันพฤหัสบดีนี้ ขณะที่สื่อหลายสำนักรายงานว่า ปธน.ทรัมป์มีแนวโน้มที่จะเลือกนายเจอโรม พาวเวล ขึ้นดำรงตำแหน่งดังกล่าว

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมเฟดในวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) จะคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 1.00-1.25% ในการประชุมครั้งนี้

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐซึ่งเป็นที่จับตาในตลาดนั้น กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนต.ค.ในวันศุกร์ที่ 3 พ.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งคาดว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย.จะเพิ่มขึ้น 300,000 ตำแหน่ง ส่วนตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อนั้น คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.7% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี หรือเพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน

Back to top button