สรุปภาวะตลาดต่างประเทศวานนี้
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 2 พ.ย. 60
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (1 พ.ย.) หลังจากที่ประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ย และแสดงมุมมองที่เป็นบวกต่อภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน
รวมทั้งข้อมูลภาคบริการและการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐที่มีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในเดือนต.ค. ขณะเดียวกันนักลงทุนยังคงจับตาผู้ที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่ โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะเปิดเผยชื่อผู้ที่จะดำรงตำแหน่งดังกล่าวในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,435.01 จุด เพิ่มขึ้น 57.77 จุด หรือ +0.25% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,579.36 จุด เพิ่มขึ้น 4.10 จุด หรือ +0.16% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,716.53 จุด ลดลง 11.14 จุด หรือ -0.17%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (1 พ.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ หลังจากทางการจีนเปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของจีนยังคงมีการขยายตัวในเดือนต.ค. ขณะที่หุ้นกลุ่มรถยนต์พุ่งขึ้น หลังจากบริษัทรถยนต์รายใหญ่มียอดขายเพิ่มขึ้นในตลาดสหรัฐ
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.4% ปิดที่ 396.77 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2558
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,514.29 จุด เพิ่มขึ้น 11.00 จุด หรือ +0.20% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,465.51 จุด เพิ่มขึ้น 235.94 จุด หรือ +1.78% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,487.96 จุด ลดลง 5.12 จุด หรือ -0.07%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบเมื่อคืนนี้ (1 พ.ย.) ด้วยแรงฉุดจากหุ้นบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่อย่างเน็กซ์ และธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ซึ่งร่วงลงหลังเปิดเผยรายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 3/2560
ดัชนี FTSE 100 ลดลง 5.12 จุด หรือ -0.07% ปิดที่ 7,487.96 จุด
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (1 พ.ย.) ก่อนที่นักลงทุนจะทราบผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยตลาดทองคำนิวยอร์กได้ปิดทำการไปก่อนที่คณะกรรมการเฟดจะแถลงผลการประชุมและมติอัตราดอกเบี้ย ขณะเดียวกันนักลงทุนยังคงจับตาผู้ที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่ โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะเปิดเผยชื่อผู้ที่จะดำรงตำแหน่งดังกล่าวในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 6.80 ดอลลาร์ หรือ 0.54% ปิดที่ระดับ 1,277.30 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 48.3 เซนต์ หรือ 2.89% ปิดที่ 17.176 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. พุ่งขึ้น 17.1 ดอลลาร์ หรือ 1.86% ปิดที่ 936.70 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 19 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 998.15 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (1 พ.ย.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า การผลิตน้ำมันของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบขยับลงเพียงเล็กน้อย เนื่องจากตลาดได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 8 เซนต์ หรือ 0.19% ปิดที่ 54.30 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 45 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 60.49 ดอลลาร์/บาร์เรล
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (1 พ.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 1.00-1.25% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินเมื่อวานนี้
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1622 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1653 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์อ่อนค่าลงแตะ 1.3254 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3281 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้น ที่ระดับ 0.7669 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7660 ดอลลาร์
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 114.18 เยน จากระดับ 113.68 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 1.0031 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9973 ฟรังก์สวิส