BCPG เริ่ด! Q3 ฟาดกำไร 514 ลบ. พร้อมเดินหน้าขายไฟฟ้าผ่านอินเตอร์เน็ตเต็มสูบ
BCPG เริ่ด! Q3 กำไรโต 43% ทะลุ 510 ลบ. จากกำลังผลิตโรงไฟฟ้า-รับรู้ส่วนแบ่งกำไรโรงไฟฟ้าอินโดนีเซีย-ฟิลิปปินส์เพิ่ม พร้อมเดินหน้าขายไฟฟ้าผ่านอินเตอร์เน็ตเต็มสูบ หลังจับมือ SIRI พัฒนาชุมชนพลังงานสีเขียวอัจฉริยะ
นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG เปิดเผยว่า รายได้ในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ นับว่าอยู่ในเกณฑ์ดี ทุกโครงการที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วทั้งในประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นสามารถจำหน่ายไฟฟ้าได้ตามแผนเต็มไตรมาส จากการที่มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากโครงการโซลาร์สหกรณ์ (ขนาดกำลังการผลิต 12 เมกะวัตต์) และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น โครงการ Nagi (ขนาดกำลังการผลิตตามสัญญา 10.5 เมกะวัตต์)
อย่างไรก็ตาม ลดลงจากไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ร้อยละ 4 เป็นผลมาจากความเข้มแสงที่ต่ำกว่าไตรมาสที่ 2 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากไตรมาสที่ 3 เป็นช่วงฤดูฝน ทำให้สภาพอากาศมีเมฆฝนมากในช่วงดังกล่าว
สำหรับในไตรมาสนี้ บริษัทได้รับผลกระทบจากการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิประมาณ 166 ล้านบาท โดยมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 89 ล้านบาท และขาดทุนจากสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศ ล่วงหน้า 255 ล้านบาท ทำให้ผลกำไรสุทธิคิดเป็น 514 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 43 และเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ร้อยละ 11
โดยการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นการขาดทุนที่เกิดจากสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศสกุลเหรียญสหรัฐฯ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับเงินลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพในประเทศอินโดนีเซีย ในช่วงเวลาประมาณ 3 เดือนระหว่างช่วงเวลาที่บริษัทได้รับการอนุมัติให้ลงทุนและเวลาที่บริษัทชำระค่าหุ้น ทั้งนี้ในช่วงเวลาดังกล่าวเงินสกุลบาทยังคงแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ส่วนผลการดำเนินงานใน 9 เดือนของปี 2560 บริษัทมีรายได้จากการขายไฟฟ้าประมาณ 2,542 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วประมาณเกือบร้อยละ 10 และมีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนประมาณ 402 ล้านบาท ทำให้บริษัทมีผลกำไรสุทธิก่อนผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนและรายการพิเศษเท่ากับ 1,507 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วร้อยละ 42
ในขณะที่ในช่วงเวลา 9 เดือนดังกล่าว บริษัทขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ 283 ล้านบาท โดยมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 21 ล้านบาท และขาดทุนจากสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าประมาณ 304 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการขาดทุนตามสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าและการแปลงค่าเงินเกี่ยวเนื่องกับการเข้าซื้อกิจการในประเทศอินโดนีเซีย ทำให้กลุ่มบริษัทมีผลกำไรสุทธิ 1,430 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วร้อยละ 0.2
“นอกจากการดำเนินงานและลงทุนในธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนแล้ว บีซีพีจีกำลังก้าวเข้าสู่การเป็นผู้ให้บริการธุรกิจพลังงานที่ใกล้ชิดผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น ด้วยการขายไฟฟ้าผ่านอินเตอร์เน็ต (Internet of Energy)
ล่าสุด เราได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือในการพัฒนา Smart Green Energy Community หรือชุมชนพลังงานสีเขียวอัจฉริยะร่วมกับบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยในโครงการสามารถผลิตและใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดได้ด้วยตนเอง
รวมถึงยังสามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนไฟฟ้าระหว่างกันภายในโครงการได้อย่างเป็นรูปธรรมด้วยการใช้ blockchain technology และแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน เป็นการเพิ่มมูลค่าให้ไฟฟ้าที่ผลิตได้จากพลังงานหมุนเวียน เราจึงมั่นใจว่าธุรกิจของบีซีพีจีจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต โดยมีรูปแบบของจำนวนเมกะวัตต์ (volume) เป็นฐาน และจะค่อยๆ ก้าวสู่การเพิ่มมูลค่า (value) ไปในอนาคต” นายบัณฑิตกล่าวสรุป