ก.ล.ต.นับหนึ่งไฟล์ลิ่ง “ดูเดย์ดรีม” ขายไอพีโอ 76 ล้านหุ้น เล็งเทรด SET ต้นเดือนธ.ค.นี้

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) นับหนึ่งคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟล์ลิ่ง) บริษัท ดู เดย์ ดรีม จำกัด (มหาชน) หรือ DDD เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เตรียมเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 76 ล้านหุ้น คาดว่าจะเข้าเทรดในตลาด SET ปลายปีนี้ หวังนำเงินไปใช้ขยายธุรกิจเพื่อมุ่งสู่การเป็นท็อป 3 บริษัทชั้นนำด้านความงามของเอเชีย

ด้านนายสราวุฒิ พรพัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร DDD เปิดเผยว่า บริษัทกำลังอยู่ระหว่างการเตรียมระดมทุนเพื่อสนับสนุนการขยายธุรกิจ ทั้งการเพิ่มกำลังการผลิต การขยายช่องทางการจัดจำหน่าย และการปรับปรุงฝ่ายวิจัยและพัฒนา เพื่อตอบรับเทรนด์ดูแลความงามของผู้บริโภคทั่วเอเชียพร้อมมุ่งสู่การเป็นท็อป 3 บริษัทชั้นนำด้านความงามของเอเชีย

โดยมีความมั่นใจว่าการเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้จะเป็นที่สนใจของนักลงทุน เนื่องจากความแข็งแกร่งในด้านผลประกอบการ ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยม และเทรนด์การเติบโตในอุตสาหกรรมสกินแคร์ที่ได้รับการจัดอันดับจากมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยให้เป็น 1 ใน 10 อุตสาหกรรมดาวรุ่งในปี 59 ตลอดจนกระแสการดูแลสุขภาพจากการก้าวเข้าสู่ Aging Society และสัญญาณทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ หลังจากที่บริษัทได้ยื่นไฟลิ่งต่อ ก.ล.ต. เพื่อเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 76 ล้านหุ้น โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินนั้น ล่าสุดสำนักงาน ก.ล.ต. ได้นับหนึ่งไฟลิ่งเรียบร้อยแล้ว โดยหลังจากนี้บริษัทจะกำหนดวันและราคาเสนอขายหุ้น IPO ต่อไป ซึ่งคาดว่าจะเสนอขายหลักทรัพย์และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในช่วงประมาณต้นเดือนธ.ค.นี้

ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนจัดโรดโชว์สรุปข้อมูลการเสนอขายหุ้น IPO ประมาณช่วงปลายเดือนพ.ย.นี้ เพื่อสรุปไฮไลท์ของการลงทุนในหุ้นของบริษัท และแผนการเติบโต รวมถึงแผนการเสนอขายหุ้นไอพีโอเพื่อระดมทุนต่อยอดความสำเร็จสู่ระดับภูมิภาค รวมถึงรายละเอียดการจองซื้อหุ้น

อนึ่ง บริษัท ดู เดย์ ดรีม จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลและบำรุงผิวภายใต้เครื่องหมายการค้า NAMU LIFE โดยมีชื่อกลุ่มผลิตภัณฑ์ “SNAILWHITE” และหนึ่งในผู้นำในตลาดสกินแคร์ของไทย ซึ่งมียอดขายกว่า 1,200 ล้านบาทในปี 2559

โดยในครึ่งปีแรกของปี 60 บริษัทมียอดขาย 872 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 209 ล้านบาท จากการเพิ่มไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมถึงการสร้างปรากฏการณ์ผ่านกลยุทธ์ทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้เกิดการตอบรับที่ดีเยี่ยมจากผู้บริโภคระดับ Premium Mass ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศจีน