ดาวโจนส์ปิดวานนี้พุ่งกว่า 190 จุด ตลาดคาดเฟดยังไม่รีบขึ้นดบ.
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (14 พ.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐที่ยังอยู่ในระดับต่ำนั้น ทำให้เกิดการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ยังไม่มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดวานนี้ (14 พ.ค.) ที่ 18,252.24 จุด พุ่งขึ้น 191.75 จุด หรือ +1.06%, ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,050.80 จุด เพิ่มขึ้น 69.11 จุด หรือ +1.39% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,121.10 จุด เพิ่มขึ้น 22.62 จุด หรือ +1.08%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะยังไม่ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ลดลง 0.4% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน ซึ่งไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน ลดลง 0.2% ในเดือนเม.ย.
ทั้งนี้ การร่วงลงของดัชนี PPI ในเดือนเม.ย. บ่งชี้ว่าแรงกดดันเงินเฟ้อในสหรัฐยังคงอยู่ในระดับต่ำ และอาจทำให้เฟดยังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้ว่าข้อมูลแรงงานของสหรัฐยังคงแข็งแกร่งก็ตาม โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 9 พ.ค. ปรับตัวลง 1,000 ราย แตะ 264,000 ราย ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 273,000 ราย
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทะยานขึ้น โดยหุ้นไมโครซอฟท์พุ่งขึ้น 2.30% หลังจากดอยช์แบงก์แนะนำให้นักลงทุน “ซื้อ” หุ้นไมโครซอฟท์ เนื่องจากความเชื่อมั่นที่ว่าระบบปฏิบัติการ Azure และ Office 365 จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี หุ้นแอปเปิลปรับขึ้น 2.3%
ส่วนหุ้นเฟซบุ๊กทะยานขึ้น 3.7% หลังจากมีรายงานว่าเฟซบุ๊กบรรลุข้อตกลงกับนิวยอร์กไทมส์และสื่ออื่นๆอีก 8 ราย ให้ทำการโพสต์เนื้อหาข่าวลงบนฟีดมือถือในโซเชียลเน็ตเวิร์กได้โดยตรง อย่างไรก็ตาม หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ปรับลง 1.02% แม้ว่าบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดก็ตาม
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ รวมถึงดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) เดือนพ.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรม-อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนเม.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนพ.ค.จากรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกน