CENTEL บวกแรง 3% ลุ้นกำไร Q4 โตแกร่ง โบรกฯ อัพเป้าใหม่ 54 บ.
CENTEL บวกแรง 3% ลุ้นกำไร Q4 โตแกร่ง ล่าสุด 15.08 น. อยู่ที่ 50.75 บาท บวก 1.75 บาท หรือ 3.57% สูงสุดที่ 51.50 บาท ต่ำสุดที่ 50 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 157.53 ล้านบาท ด้าน โบรกฯ ปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ” จากเดิม “ซื้อเก็งกำไร” อัพเป้าใหม่ 54 บ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL ล่าสุด ณ เวลา 15.08 น. อยู่ที่ 50.75 บาท บวก 1.75 บาท หรือ 3.57% สูงสุดที่ 51.50 บาท ต่ำสุดที่ 50 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 157.53 ล้านบาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 157.53 ล้านบาท
โดย บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” จากเดิม “ซื้อเก็งกำไร” CENTEL ปรับราคาเป้าหมาย 54 บาทต่อหุ้น จากการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ ผู้บริหารให้เป้าหมายการเติบโตในปี 60 ค่อนไปในเชิงบวกทั้งธุรกิจโรงแรมและธุรกิจอาหารจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ยังมีทิศทางการเติบโตที่แข็งแกร่ง และการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศ
รวมถึงโรงแรมและศูนย์ประชุมที่ศูนย์ราชการไว้ในประมาณการ ขณะที่ระยะสั้นมี Catalyst จากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยที่อยู่ในช่วง High Season และทำให้กำไรอยู่ในช่วงขาขึ้นทั้ง จากไตรมาสก่อนและจากปีก่อนใน 2 ไตรมาสข้างหน้า
ทั้งนี้คาด Rev Par ของธุรกิจโรงแรมเติบโต 4-5% ส่วน Same Store Sales Growth และ Total System Sales Growth ของธุรกิจอาหารเติบโต 2-3% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนและ 7-8% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนตามลำดับ ซึ่งถือว่าเร่งตัวขึ้นจากปีนี้
โดยเชื่อว่าธุรกิจโรงแรมในไทยคาดว่ายังเติบโตดีขณะที่มัลดีฟท์เห็นการฟื้นตัวขึ้น Rev Par ที่ติดลบน้อยลงเรื่อยๆ ขณะที่ธุรกิจอาหารคาดว่ายังได้อานิสงส์เชิงบวกจากการบริโภคที่ฟื้นตัวอย่างชัดเจน
นอกจากนี้ยังรวมผลของการที่ CENTEL ชนะประมูลสิทธิการเช่าโรงแรมและศูนย์ประชุมที่ศูนย์ราชการเป็นเวลา 20 ปีเข้าในประมาณการ ส่งผลให้ประมาณการกำไรปกติปี 2018 ปรับขึ้นราว 5% เป็น 2,338 ล้านบาท โต 14.8% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนขณะที่ปี 2017 เรายังคงไว้ที่ 2,037 ล้านบาท โต 10% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 4/60 ยังสดใสจากทั้ง 2 ธุรกิจโดยเบื้องต้นคาดว่า Rev Par ของธุรกิจโรงแรมจะยังเติบโตในระดับที่แข็งแกร่งราว 5-6% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนจากฐานที่ต่ำในปีก่อนในช่วงการไว้ทุกข์ ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวปีนี้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง
ส่วนธุรกิจอาหารแม้ Same Store Sales Growth เดือน ต.ค. จะติดลบเนื่องจากมีเทศกาลกินเจ แต่มาตรการช้อปช่วยชาติจะเป็นตัวกระตุ้นและทำให้ Same Store Sales Growth ล่าสุดในเดือน พ.ย. พลิกมาเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก ทำให้เราเชื่อว่าในแง่ของ Margin มีโอกาสที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้นทั้งจาก Operating Leverage และคาดว่ายังสามารถควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อเนื่องเช่นเดียวกับช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา