ORI ตั้งเป้าปี 61 รายได้แตะ 1.4 หมื่นลบ. หลังทยอยรับรู้รายได้ Backlog กว่าหมื่นลบ.
ORI ตั้งเป้าปี 61 รายได้แตะ 1.4 หมื่นลบ. หลังทยอยรับรู้รายได้ Backlog กว่า 1 หมื่นลบ. เล็งเปิด 12 โครงการใหม่ พร้อมเตรียมส่งบ.ย่อย “พรีโม พร็อพเพอร์ตี้ โซลูชั่น” เข้าตลาดหุ้นในอีก 2 ปีข้างหน้า
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายในปี 61 อยู่ที่ 1.8 หมื่นล้านบาท จากปีนี้ที่คาดว่าจะทำยอดขายได้ที่ 1.4 หมื่นล้านบาท พร้อมตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนยอดขายจากลูกค้าชาวต่างชาติเป็น 30% จากปีนี้ที่ 20%
โดยบริษัทวางแผนเปิดโครงการใหม่ในปีหน้า 12 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 2.5 หมื่นล้านบาท เป็นจำนวนเพิ่มขึ้นจากปี 60 ที่เปิดไป 8 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 1.51 หมื่นล้านบาท
สำหรับโครงการใหม่ที่จะเปิดในปีหน้าจะเป็นโครงการระดับบนเป็นส่วนใหญ่ ราคาขายเฉลี่ย 3-6 ล้านบาท/ยูนิต ซึ่งบริษัทจะเน้นขยายฐานลูกค้าในระดับบนเพิ่มขึ้น โครงการส่วนใหญ่จะอยู่ในกรุงเทพฯ และมีบางส่วนอยู่ในปริมณฑล
พร้อมกับจะเปิดโครงการที่พัฒนาร่วมกับพันธมิตรญี่ปุ่น คือ บริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด จำนวน 2 โครงการ ส่วนการพัฒนาโครงการแนวราบจะมีโครงการบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด 1 โครงการ และทาวน์เฮาส์ 1 โครงการ
ด้านรายได้ในปี 61 บริษัทตั้งเป้ารายได้อยู่ที่ 1.4 หมื่นล้านบาท จากปีนี้คาดว่ามีรายได้อยู่ที่ 9 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทจะมีการทยอยรับรู้รายได้จากมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ในปีหน้าราว 1.01 หมื่นล้านบาท จาก Backlog ทั้งหมดที่มีอยู่ 2.9 หมื่นล้านบาท โดยส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 63 นอกจากนี้ยังจะมีการรับรู้รายได้จากโครงการแนวราบใหม่เข้ามาเสริมในปีหน้าอีกด้วย
ส่วนงบซื้อที่ดินตั้งไว้ที่ 5 พันล้านบาท แบ่งใช้สำหรับการซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย และงบสำหรับการใช้เพื่อพัฒนาโครงการคลังสินค้าให้เช่า ปัจจุบันบริษัทมีแผนพัฒนาคลังสินค้าให้เช่าประเภท Built to suit ในพื้นที่ระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ร่วมกับพันธมิตรญี่ปุ่น เริ่มจากคลังสินค้าขนาดเล็ก และจะมีฐานลุกค้าจากพันธมิตรชาวญี่ปุ่นที่มีประสบการณ์ในการพัฒนาคลังสินค้าในประเทศญี่ปุ่นมาก่อนหน้านี้ โดยในเบื้องต้นตั้งงบลงทุนสำหรับการพัฒนาดครงการคลังสินค้ารวมค่าที่ดินอยู่ที่ 500 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทยังตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำ (Recurring Income) ภายในปี 66 เพิ่มขึ้นเป็น 5-10% จากปัจจุบันมีสัดส่วนแค่ 1% โดยรายได้ประจำมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหลังจากเปิดให้บริการโรงแรมใน จ.ชลบุรี ในปี 61 อีกทั้งยังจะมีรายได้จากคลังสินค้าให้เช่าเข้ามาเสริม ขณะที่รายได้จากธุรกิจให้บริการและบริหารอสังหาริมทรัพย์ มีแนวโน้มของรายได้ที่เติมโตมากขึ้นตามจำนวนโครงการคอนโดมิเนียมที่เพิ่มขึ้น
ส่วนธุรกิจให้บริการและบริหารอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นบริษัทลูกของ ORI ถือหุ้น 100% อยู่ภายใต้ บริษัท พรีโม พร็อพเพอร์ตี้ โซลูชั่น จำกัด (PRIMO) ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาจะนำ PRIMO เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในอีก 2 ปีข้างหน้า ตั้งเป้าจะผลักดันกำไรของ PRIMO เพิ่มเป็นระดับ 50-100 ล้านบาท ก่อนเข้าจดทะเบียน
สำหรับวัตถุประสงค์ของการนำ PRIMO เข้าตลาดหลักทรัพย์เพื่อให้ PRIMO สามารถดำเนินธุรกิจและเติบโตได้ด้วยตัวของบริษัทเอง และมีอิสระในการบริหารจัดการธุรกิจมากขึ้น โดยทิศทางรายได้ PRIMO มีแนวโน้มที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในทุกๆปี ซึ่งในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมารายได้ของ PRIMO สามารถแตะระดับ 100 ล้านบาทเป็นครั้งแรกหลังจากก่อตั้งบริษัทมา 6 ปี