“ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป” เคาะราคา IPO ที่ 38 บ./หุ้น จ่อเทรด SET 7 ธ.ค.นี้

“ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป” หรือ THG เคาะราคา IPO ที่ 38 บ./หุ้น เปิดจอง 27-29 พ.ย.60 จ่อเทรด SET 7 ธ.ค.นี้ โดยมี ธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน


บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG เปิดเผยว่า บริษัทกำหนดราคาเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO ) หุ้นละ 38 บาท หลังนักลงทุนสถาบันต้องการจองซื้อเกินกว่าหุ้นที่จัดสรรไว้ 10 เท่า เตรียมเปิดจองซื้อในวันที่ 27-29 พ.ย. นี้ และคาดเข้าเทรดวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 7 ธ.ค.60

นางสาวพิมพ์ผกา นิจการุณ กรรมการผู้จัดการ บล.ธนชาต ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO ของ THG เปิดเผยว่า การเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยของ THG ครั้งนี้ จะเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 85 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 10.01% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท โดยจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน ใช้ลงทุนในโครงการที่กำลังพัฒนาและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานของบริษัท

โดยปัจจุบัน THG มีทุนจดทะเบียน 849.08 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 849.08 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท โดยเป็นทุนที่ออกและชำระแล้ว 764.08 ล้านบาท ส่วนความคืบหน้าในการเสนอขายหุ้น IPO นั้น หลังจากที่สำรวจความต้องการจองซื้อของนักลงทุนสถาบัน พบว่ามีความต้องการจองซื้อเกินกว่าจำนวนหุ้นที่จัดสรรไว้ 10 เท่า จึงกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO ที่หุ้นละ 38 บาท โดยเตรียมเปิดให้ประชาชนจองซื้อวันที่ 27-29 พ.ย.นี้ และคาดว่าจะเข้าซื้อขายหลักทรัพย์วันแรกใน SET วันที่ 7 ธ.ค.60

ทั้งนี้ มีความมั่นใจต่อการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ THG เนื่องจากเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจดูแลสุขภาพและให้บริการทางการแพทย์มานานกว่า 4 ทศวรรษ และมีแผนงานขยายการลงทุนทั้งในและต่างประเทศเพื่อสร้างการเติบโตในอนาคต นอกจากนี้ คาดว่าการดำเนินธุรกิจของ THG จะได้รับผลดีจากการที่ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุ ซึ่งจะส่งผลให้มีความต้องการใช้บริการด้านการแพทย์เพิ่มขึ้น

ด้าน นพ.บุญ วนาสิน ประธานกรรมการ THG  เปิดเผยว่า มีความมั่นใจในศักยภาพทางธุรกิจและความเชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพและรักษาพยาบาล ด้วยประสบการณ์ยาวนานกว่า 40 ปี ให้บริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพมาตรฐานด้วยนวัตกรรมที่ทันสมัย ในราคาที่ประชาชนส่วนใหญ่เข้าถึงได้ ซึ่งเป็นจุดดึงดูดผู้ป่วยให้เข้ามาใช้บริการต่อเนื่อง และสร้างโอกาสเติบโตในธุรกิจโรงพยาบาลได้ในระยะยาว

ทั้งนี้ บริษัทมีแผนที่จะขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศหลายโครงการ เพื่อเพิ่มศักยภาพและการเติบโตที่ยั่งยืน โดยมีโครงการลงทุนในประเทศไทย ได้แก่ (1)โครงการโรงพยาบาลศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพ ธนบุรี (ถนนบำรุงเมือง) เพื่อรองรับผู้ป่วยที่อยู่ในช่วงฟื้นฟูร่างกายหรือกายภาพบำบัด ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้ป่วยและเพิ่มความสามารถในการรองรับผู้ป่วย ให้โรงพยาบาลธนบุรีสามารถรับผู้ป่วยใหม่เข้ารับการรักษาได้เพิ่มขึ้น คาดว่าจะเริ่มทยอยเปิดให้บริการได้ภายในปี 61

(2)โครงการ Jin Wellbeing County บนที่ดินประมาณ 140 ไร่ในย่านรังสิต เพื่อพัฒนาเป็นโครงการที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงวัยและให้บริการทางการแพทย์อย่างครบวงจรเพื่อรองรับการเติบโตของสังคมไทยที่ก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ คาดว่าการก่อสร้างเฟสแรกจะแล้วเสร็จในปี 61-62 และ (3)โครงการการลงทุนขยายโรงพยาบาลธนบุรีและโรงพยาบาลธนบุรี 2 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการรับผู้ป่วยรวมถึงการให้บริการรักษาโรคที่มีความซับซ้อนเพิ่มขึ้นในอนาคต

ส่วนการขยายธุรกิจในต่างประเทศ ได้แก่ การร่วมทุนพัฒนาโรงพยาบาล Welly Hospital ในเมืองเวยไห่ ประเทศจีน โดยบริษัทถือหุ้น 58% และพันธมิตรท้องถิ่น ถือหุ้น 42% เปิดให้บริการเต็มรูปแบบอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา

รวมถึงการเข้าถือหุ้นใน Aryu International Healthcare Company Limited ร่วมกับ Ga Mone Pwint Company Limited ซึ่งเป็นพันธมิตรท้องถิ่นในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา โดยบริษัทถือหุ้น 10% และมีแผนเพิ่มสัดส่วนเป็น 40% ปัจจุบันกำลังก่อสร้างโรงพยาบาล Ar Yu International Hospital ในเมืองย่างกุ้ง คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดดำเนินการในไตรมาส 2 ของปีหน้า

ด้านแผนการสร้างศักยภาพการเติบโตในอนาคตของบริษัทจะเน้นไปที่การรับจ้างบริหารโรงพยาบาลในต่างประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้เซ็นสัญญาบริหารโรงพยาบาลในต่างประเทศหลายแห่ง โดยเฉพาะโรงพยาบาลในจีน ที่มีความเชื่อมั่นและไว้วางใจในศักยภาพการบริหารโรงพยาบาลของบริษัทอย่างมาก อีกทั้งการขยายไปในต่างประเทศเป็นการขยายไปสู่ประเทศอื่น ๆ ที่มีอัตราการเติบโตในระดับตัวเลขสองหลัก ซึ่งสูงกว่าอัตราการเติบโตของประเทศไทยที่ลดลงเหลือตัวเลขหลักเดียว

โดยการขยายไปในต่างประเทศยังเป็นการกระจายความเสี่ยงของรายได้ด้วย โดยบริษัทตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศในอีก 5 ปีข้างหน้าเป็นมากกว่า 50% จากปัจจุบันอยู่ที่ 1% ส่วนงบลงทุนในปี 61 ของบริษัทที่วางไว้เบื้องต้นอยู่ที่ 700-800 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับการซื้อเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ การปรับปรุงพื้นที่ของโรงพยาบาลธนบุรี และการลงทุนก่อสร้างโรงพยาบาลแห่งใหม่

สำหรับในวันนี้ (24 พ.ย.) THG ได้ลงนามในสัญญาแต่งตั้งบล.ธนชาต เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน แต่งตั้งบล.เคทีบี (ประเทศไทย) ,บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) เป็นผู้ร่วมจัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน และแต่งตั้งบล.บัวหลวง ,บล.ฟินันเซีย ไซรัส ,บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) เป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน

Back to top button