RS ขาขึ้นต่อเนื่องบวกอีก 4% ตั้งเป้ารายได้ปี 61 แตะระดับ 5.3 พันลบ.จาก 4 ธุรกิจหนุน

RS ขาขึ้นต่อเนื่องบวกอีก 4% ตั้งเป้ารายได้ปี 61 แตะระดับ 5.3 พันลบ.จาก 4 ธุรกิจหนุน โดย ณ เวลา 12.02 น. อยู่ที่ระดับ 25.00 บาท บวก 0.90 บาท หรือ 3.73% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 79.60 ล้านบาท


บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS ณ เวลา 12.02 น. อยู่ที่ระดับ 25.00 บาท บวก 0.90 บาท หรือ 3.73% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 79.60 ล้านบาท

นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 61 แตะระดับ 5.3 พันล้านบาท จากปีนี้ที่คาดว่าจะมีรายได้ราว 3,550 ล้านบาท ถือเป็นตัวเลขพุ่งทะยานสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แบ่งสัดส่วนมาจากธุรกิจเฮลท์แอนด์บิวตี้  47% ตามด้วยธุรกิจสื่อ 46% ธุรกิจเพลง 5% และธุรกิจอีเวนต์ 2%

โดยช่วงที่ผ่านมาการเติบโตของธุรกิจเฮลท์แอนบิวตี้ มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง และปัจจุบันถือว่าเป็นสัดส่วนมากที่สุด ดังนั้นบริษัทฯ จึงเตรียมที่จะนำงบการเงินปี 60 ไปขอยื่นเปลี่ยนหมวดธุรกิจเป็นหมวดพาณิชย์

พร้อมกันนั้น บริษัทยังเตรียมที่จะลงทุนในธุรกิจใหม่อีก 2 กิจการ โดยจะใช้ประโยชน์จากธุรกิจที่มีอยู่ในปัจจุบันในการต่อยดเพื่อขยายกิจการใหม่ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปี 61 พร้อมกันนั้นบริษัทฯตั้งงบลงทุนราว 1,800 ล้านบาท เพื่อใช้ในการพัฒนาคอนเทนต์สำหรับ ช่อง 8 ราว 1,700 ล้านบาท  และส่วนที่เหลืออีกราว 100 ล้านบาท จะใช้ในการพัฒนาประสิทธิภาพของระบบ IT

นายสุรชัย กล่าวว่า ธุรกิจเฮลท์แอนบิวตี้ของ RS มี 3 แบรนด์ เจาะ 3 ตลาด ได้แก่ “มาจีค” ทำตลาดกลุ่มสกินแคร์, “รีไวฟ์” ทำตลาดกลุ่มแฮร์แคร์ และ “เอส.โอ.เอ็ม” ทำตลาดกลุ่มอาหารเสริม ซึ่งปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรรายใหม่ทั้งในและต่างประเทศ 2-3 ราย คาดว่าจะทยอยเห็นความชัดเจนภายในปี 61 เพื่อให้มีสินค้าใหม่เข้ามาอีกกว่า 30 รายการ จาก 37 รายการ ได้แก่ มาจีค ยูธฟูล เรเดียนซ์ ดีท๊อกซิฟายอิ้ง อินสแตนท์ โกลว, มาจีค ยูธฟูล เรเดียนซ์ ซูพีเรีย โอเวอร์ไนท์ รีแพร์, เห็ดหลินจือพลัสชิตาเกะ, ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมี-มอร์, ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโกลดีวาส

บริษัทจำหน่ายสินค้าในกลุ่มนี้ผ่านช่องทาง www.shop1781.com และ @Shop1781 บน LINE SHOP โดยวางระบบบริหารจัดการฐานลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งล่าสุดมีฐานลูกค้ามากกว่า 7 แสนราย และคาดว่าปีหน้าจะขยับขึ้นเป็น 1.5 ล้านราย

ด้านธุรกิจทีวีดิจิทัล”ช่อง 8″ตั้งเป้ารายได้ 2,000 ล้านบาทในปีหน้า พร้อมตั้งเป้าเพิ่มยอดผู้ชม (eye ball) ขึ้นเป็น 7 แสนคน/นาที จากปีนี้ที่ราว 5 แสนคน/นาที จากการใช้กลยุทธ์ Primetime Focus ในช่วงเวลาหลัง 06.00 น.และหลัง 18.00 น.ดึงคอนเทนต์ระดับพรีเมียมทั้งในและต่างประเทศมาลงจอ ประกอบด้วย”ข่าว”ที่ครองแชมป์อันดับ 1 รายการข่าวของกลุ่มผู้ประกอบการหน้าใหม่ภายใต้คอนเซ็ปต์ “เล่าง่าย ดูง่าย เข้าใจง่าย” ตามด้วยสุดยอดรายการ “มวย” ไทยและต่างประเทศเอาใจคอกีฬา

รวมทั้งคว้าอภิมหา “ซีรีส์” บอลลีวู้ดโด่งดังระดับโลก 2 เรื่องใหม่ คือ “วัลลัภ มหาราชย์รักสุดแผ่นดิน”และ”พิฆเนศ มหาเทพไอยรา” ต่อด้วย”ละครใหม่”10 เรื่องรวดที่ได้ดารานักแสดงนอกค่ายระดับแม่เหล็กมาร่วมงานเพียบ ปิดท้ายด้วยรายการใหม่ “เกมเรียงเบอร์”เกมโชว์วาไรตี้ดูทุกวันลุ้นเงินล้านทุกวันเจาะกลุ่มครอบครัว ทำให้คาดว่าสิ้นปีหน้าจะมียอดผู้ชมเพิ่มขึ้นตามเป้า

ขณะเดียวกัน ช่อง 8 เตรียมปรับขึ้นค่าโฆษณาเพิ่มอีก 45% เริ่มมีผลตั้งแต่เดือนม.ค. นี้ รวมทั้งจัดกิจกรรมการตลาดสร้างสีสันความสนุกให้แฟนๆ ทุกภูมิภาค ขณะเดียวกันเร่งขยายฐานผู้ชมต่อเนื่อง ทั้งออนไลน์ดึงคอนเทนต์มาไลฟ์สดบนเฟสบุ๊คคู่ขนานไปกับแพลตฟอร์มหน้าจอทีวี และตลาดต่างประเทศรุกขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ละครไปยังประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มเติม

ส่วนธุรกิจเพลง ตั้งเป้ารายได้ 250 ล้านบาท จากการใช้กลยุทธ์ Artist Centric ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ดนตรีไร้ขอบ” ไม่ได้จำกัดอยู่ที่เพลงลูกทุ่งเพียงอย่างเดียว แต่เป็นค่ายเพลงที่ตอบโจทย์คนฟังครบถ้วนทุกแนวเพลง โดยจะเริ่มใช้โลโก้ “อาร์สยาม” โฉมใหม่วันที่ 1 ธ.ค.นี้ ขณะเดียวกันมองศิลปินเป็นหนึ่งในคอนเทนต์ รุกเพิ่มขีดความสามารถบริหารจัดการเพื่อสร้างรายได้ทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นรายได้งานโชว์ตัวตามคอนเสิร์ตและอีเวนท์ต่างๆ รวมไปถึงพรีเซนเตอร์สินค้า การแสดงทั้งละครและภาพยนตร์ เป็นต้น สตรีมมิ่งและดาวน์โหลดเพลง ตลอดจนจัดเก็บลิขสิทธิ์เพลง คาดว่าจะออกซิงเกิ้ลไม่ต่ำกว่า 40 เพลงต่อปี

สำหรับธุรกิจสุดท้ายคือ ธุรกิจวิทยุ “คูลฟาเรนไฮต์” ใช้กลยุทธ์ DIGITAL TRANSFORMATION เร่งขยายฐานออนไลน์ต่อเนื่อง เจาะกลุ่ม Gen C ทุกเพศทุกวัยอายุระหว่าง 20-44 ปี ที่มีความคิดและพฤติกรรมเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์ได้ตลอดเวลา ตอกย้ำความสำเร็จหลังผันตัวเองจาก RADIO มาเป็น AUDIO ซึ่งมีฐานผู้ฟังออนไลน์เติบโตก้าวกระโดดเคียงคู่กับฐานผู้ฟังออนแอร์ที่แข็งแกร่ง

โดยเตรียมอัดอีเวนต์ตลอดทั้งปีหวังเพิ่มมูลค่าคุ้มค่าผู้ซื้อเวลาโฆษณา ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมซิกเนเจอร์ของบริษัทฯ อย่าง COOL OUTING ที่จัดทุกไตรมาสต่อเนื่องเป็นปีที่ 13, อิ๊งค์ EAT ALL AROUND กิจกรรมพาไปกิน… เดี๋ยวบินกลับทั้งในและต่างประเทศ พร้อมนำเสนอกิจกรรมใหม่ๆ ที่ตอบโจทก์ไลฟ์สไตล์ อาทิ  Sport Event และ COOL Degree Beyond Rewards ระบบสะสมเวลาการฟังบนแอพพลิเคชั่นเพื่อนำมาแลกรับของรางวัลสุดคูล

Back to top button