สรุปภาวะตลาดต่างประเทศวานนี้

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 13 ธ.ค. 60


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (12 ธ.ค.) โดยดาวโจนส์ และ S&P500 ทะยานขึ้นทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นอย่างคึกคัก ก่อนที่จะทราบผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ นำโดยหุ้นโบอิ้งและหุ้นโกลด์แมน แซคส์ที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนคาดหวังว่า คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะประสบความสำเร็จในการผลักดันร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีซึ่งครอบคลุมถึงการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคล

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,504.80 จุด พุ่งขึ้น 118.77 จุด หรือ +0.49% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,664.11 จุด เพิ่มขึ้น 4.12 จุด หรือ +0.15% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,862.32 จุด ลดลง 12.76 จุด หรือ -0.19%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (12 ธ.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในการซื้อขายระหว่างวัน อันเนื่องมาจากข่าวการปิดท่อส่งน้ำมันขนาดใหญ่ในทะเลเหนือของอังกฤษ อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลงหลังจากมีการเปิดเผยยอดขายที่ซบเซา

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.7% ปิดที่ 391.63 จุด

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,183.53 จุด เพิ่มขึ้น 59.88 จุด, +0.46% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,500.41 จุด เพิ่มขึ้น 46.93 จุด, +0.63% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,427.19 จุด เพิ่มขึ้น 40.36 จุด, +0.75%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ (12 ธ.ค.) ด้วยแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ขณะที่หุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลงภายหลังการเปิดเผยข้อมูลยอดค้าปลีกล่าสุด

ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 46.93 จุด หรือ +0.63% ปิดที่ 7,500.41 จุด

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (12 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการก่อนหน้านี้ สืบเนื่องมาจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง และข่าวการปิดท่อส่งน้ำมันขนาดใหญ่ในทะเลเหนือของอังกฤษ ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐในวันนี้

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 85 เซนต์ หรือ 1.5% ปิดที่ 57.14  ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.พ. ร่วงลง 1.35 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 63.34 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 6 เดือนเมื่อคืนนี้ (12 ธ.ค.) โดยได้รับปัจจัยกดดันจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ทำนิวไฮติดต่อกันหลายวัน ยังส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า เช่นหุ้น

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ร่วงลง 5.20 ดอลลาร์ หรือ 0.4% ปิดที่ 1,241.70 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 11.7 เซนต์ หรือ 0.74% ปิดที่ 15.668 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ร่วงลง 17.10 ดอลลาร์ หรือ 1.92% ปิดที่ 875.70 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 3.6 ดอลลาร์ หรือ 0.4% ปิดที่ 1,002.35 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (12 ธ.ค.) ด้วยแรงหนุนจากข้อมูลดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งช่วยสนับสนุนกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 ในปีนี้ ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของเฟดซึ่งจะสิ้นสุดลงในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ที่ระดับ 1.1739 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1792 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์อ่อนค่าลงแตะ 1.3315 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3348 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้น ที่ระดับ 0.7560 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7535 ดอลลาร์

ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 113.55 เยน จากระดับ 113.47 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9920 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9907 ฟรังก์สวิส

Back to top button