TKS รูดหนัก 9% หลังเพิ่มทุน RO ราคาต่ำกว่ากระดาน
TKS รูดหนัก 9% หลังเพิ่มทุน RO ราคาต่ำกว่ากระดาน ล่าสุด ณ เวลา 11.10 น. ราคาอยู่ที่ 11.10 บาท ลบ 1.20 บาท หรือ 9.76% สูงสุดที่ 12 บาท ต่ำสุดที่ 10.90 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 81.58 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท ที.เค.เอส. เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TKS ณ เวลา 11.10 น. ราคาอยู่ที่ 11.10 บาท ลบ 1.20 บาท หรือ 9.76% สูงสุดที่ 12 บาท ต่ำสุดที่ 10.90 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 81.58 ล้านบาท
โดยราคาหุ้น TKS ปรับตัวลงแรงในวันนี้ เป็นผลมาจากบริษัทมีการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน RO ในราคาจองซื้อที่ 10 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่ากระดานซื้อขาย เป็นเหตุให้นักลงทุนทำการเทขายหุ้นออกมาอย่างหนัก
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.60 คณะกรรมการมีมติเพิ่มทุนแบบกำหนดวัตถุประสงค์ในการใช้เงินทุน โดยจัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นสามัญเดิม จำนวน 60 ล้านหุ้น ในอัตราส่วน 6:1 ในราคาจองซื้อ 10 บาท มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 1 บาท/หุ้น จองซื้อและชำระได้ตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค.61 – 26 มี.ค. 61 โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่ได้รับสิทธิจองซื้อหุ้นในวันที่ 23 ก.พ. 61 วันที่ไม่ได้รับสิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน (XR) 21 ก.พ.61
อนึ่ง เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (13 ธ.ค.60) TKS เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท วันที่ 12 ธ.ค. 60 มีมติอนุมัติการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดใน บมจ.ไทยบริติช ซีเคียวริตี้ พริ้นติ้ง (TBSP) โดยสมัครใจแบบมีเงื่อนไข (Voluntary Tender Offer) ในราคาหุ้นละ 15.70 บาท ภายหลังจากที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2561 ในวันที่ 15 ก.พ. 61 คาดว่าการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ดังกล่าวจะเสร็จสิ้นภายในเดือนเม.ย.61
สำหรับผลประโยชน์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นกับบริษัท เนื่องจากบริษัทประกอบธุรกิจอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกันกับกิจการ ซึ่งเป็นธุรกิจการพิมพ์เอกสารปลอดการปลอมแปลง ทำให้เป็นการสร้างโอกาสในการขยายธุรกิจและการเติบโตของบริษัทในอนาคต เนื่องจากบริษัทและกิจการ ยังมีความแตกต่างในเรื่องของความเชี่ยวชาญด้านการพิมพ์ ชนิดของผลิตภัณฑ์ ตลาดลูกค้า กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และช่องทางการจัดจำหน่าย
นอกจากนี้ เป็นการเพิ่มศักยภาพและความได้เปรียบในการแข่งขันจากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นด้วยความร่วมมือระหว่างบริษัทและกิจการ ทำให้สามารถสร้างผลตอบแทนมากขึ้นและขยายธุรกิจของบริษัทสู่ตลาดการพิมพ์เอกสารปลอดการปลอมแปลงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดยบริษัทจะใช้แหล่งเงินกู้จากสถาบันการเงินสำหรับการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการ จำนวนไม่เกิน 1,390,000,000 บาท ซึ่งเป็นจำนวนเงินทุนที่เพียงพอในกรณีที่ผู้ถือหุ้นทุกรายแสดงเจตนาขายหุ้นสามัญทั้งหมดในครั้งนี้ ทั้งนี้ บริษัทจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 600,000,000 บาทเพื่อนำมาชำระคืนหนี้เงินกู้บางส่วนหรือทั้งหมดให้แก่สถาบันการเงินเพื่อใช้ในการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดใน TBSP
ดังนั้น ภายหลังจากการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้น หากมีการใช้สิทธิจองซื้อหุ้นครบทั้งจำนวนแล้ว ผลกระทบด้านการลดลงของราคา (Price Dilution) เท่ากับ 2.82% และจะมีผลกระทบด้านการลดลงของกำไรต่อหุ้น (EPS Dilution) เท่ากับ 14.28%