สรุปภาวะตลาดต่างประเทศวานนี้

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 15 ธ.ค. 60


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (14 ธ.ค.) จากความวิตกกังวลที่ว่า การผลักดันร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของคณะทำงานประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ อาจเผชิญอุปสรรค หลังจากวุฒิสมาชิก 2 รายจากพรรครีพับลิกันได้ออกมาส่งสัญญาณว่าจะไม่ลงมติสนับสนุนร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีฉบับนี้ โดยความกังวลในเรื่องดังกล่าวได้สกัดปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงยอดค้าปลีกที่พุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนพ.ย.

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,508.66 จุด ลดลง 76.77 จุด หรือ -0.31% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,652.01 จุด ลดลง 10.84 จุด หรือ -0.41% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,856.53 จุด ลดลง 19.27 จุด หรือ -0.28%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (14 ธ.ค.) เนื่องจากหุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง หลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และส่งสัญญาณความพร้อมที่จะขยายวงเงิน QE หากมีความจำเป็น

ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.5% ปิดที่ 388.91 จุด

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,068.08 จุด ลดลง 57.56 จุด หรือ -0.44% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,448.12 จุด ลดลง 48.39 จุด หรือ -0.65% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,357.14 จุด ลดลง 42.31 จุด หรือ -0.78%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (14 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนในกระบวนการที่อังกฤษจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง หลังจากธนาคารกลางอังกฤษมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเมื่อวานนี้

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,448.12 จุด ลดลง 48.39 จุด หรือ -0.65%

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 ธ.ค.) หลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ย พร้อมส่งสัญญาณว่าอาจขยายวงเงิน QE หากมีความจำเป็น นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และการปรับฐานลงของตลาดหุ้นสหรัฐ ยังส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 8.5 ดอลลาร์ หรือ 0.68% ปิดที่ระดับ 1257.10 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 6.5 เซนต์ หรือ 0.41% ปิดที่ 15.934 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 5.8 ดอลลาร์ หรือ 0.66% ปิดที่ 881.20 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. พุ่งขึ้น 24.66 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 1,028.70 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 ธ.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 4 ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยบรรเทาความวิตกกังวลจากรายงานของสำนักงานพลังงานสากลซึ่งระบุว่า ตลาดน้ำมันอาจเผชิญภาวะน้ำมันล้นตลาดในปีหน้า

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 44 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 57.04 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 87 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 63.31 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (14 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า การผลักดันร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของคณะทำงานประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ อาจเผชิญอุปสรรค หลังจากวุฒิสมาชิก 2 รายจากพรรครีพับลิกันได้ออกมาส่งสัญญาณว่าจะไม่ลงมติสนับสนุนร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีฉบับนี้ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้น ขานรับรายงานยอดค้าปลีกของอังกฤษที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในเดือนพ.ย.

ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.1799 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1789 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3441 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3368 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.7676 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7624 ดอลลาร์

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 112.12 เยน จากระดับ 112.83 เยน แต่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9871 ฟรังก์ จากระดับ 0.9865 ฟรังก์

Back to top button