เปิด 5 หุ้น mai แรลลี่ยาว 11 เดือน ชู SKY แชมป์รีเทิร์นสูงเกิน400%

เปิด 5 หุ้น mai แรลลี่ยาว 11 เดือน ชู SKY แชมป์รีเทิร์นสูงเกิน400%


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ mai ในรอบ 11 เดือน โดยเทียบราคาปิด ณ วันที่ 30 ธ.ค.59-30 พ.ย.60 โดยการสำรวจครั้งนี้จะขอนำเสนอหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเกิน 100% เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาหุ้นกลุ่มนี้มีผลตอบแทนโดดเด่นและมีปัจจัยบวกเข้ามาสนับสนุน โดยหุ้นที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าวมี 5 ตัว ด้วยกันคือ SKY,GCAP,SPVI,NETBAY และ PICO 

อันดับ 1 บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY ราคาหุ้น 11 เดือนปรับตัวเพิ่มขึ้น 439.22% มาที่ระดับ 16.50 บาท(30 พ.ย.60) บวก 13.44 บาท จากระดับ 3.06 บาท ( 30 ธ.ค.59) สำหรับหุ้นรายนี้ชื่อย่อเดิมคือ CCN  โดยราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นแรง เนื่องจากหุ้นตั้งแต่ต้นปีมีราคาถูกทำให้นักลงทุนเข้ามาไล่ราคา ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนงานเข้าประมูลงานภาครัฐยิ่งเป็นแรงหนุนให้หุ้นวิ่งขึ้นแรง

โดยบริษัทตอบรับสัญญาจ้างจากบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT มูลค่างานรวมภาษีมูลค่าเพิ่มทั้งสิ้น 469 ล้านบาท อีกทั้งได้รับหนังสือยืนยันตกลงจ้างและให้ไปลงนามในสัญญาจากบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT เพื่อรับงานติดตั้งกล้องวงจรปิด CCTV ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเฟส 2 มูลค่าประมาณ 434 ล้านบาท

ขณะเดียวกันบริษัทมั่นใจภาพรวมผลประกอบการในปี 2560 จะมีรายได้เติบโต 70% ตามแผน จากปี 2559 มีรายได้ 316 ล้านบาท โดยบริษัทยังมีคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) จากงานที่ไม่ได้เข้าร่วมประมูลเอง มูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท เช่น งานระบบฮาร์ดแวร์ และกล้อง CCTV และโครงการอื่นๆ เข้ามาสนับสนุนผลประกอบการเพิ่มเติม

สำหรับบริษัทมีธุรกิจหลักของบริษัทสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่ 1.ธุรกิจจำหน่าย และวางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ครอบคลุมการบริการให้คำปรึกษา ออกแบบ ติดตั้ง อบรม ดูแลบำรุงรักษาระบบงาน จัดหาและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศแบบเบ็ดเสร็จ 2. ธุรกิจให้เช่าคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าองค์กรให้ได้หลากหลายมากขึ้นโดยมีระยะเวลาสัญญา 1-10 ปี 3.ธุรกิจติดตั้งระบบโทรคมนาคม

 

อันดับ 2  บริษัท จี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ GCAP ราคาหุ้น 11 เดือนปรับตัวเพิ่มขึ้น 146.50% มาที่ระดับ 7.05 บาท (30 พ.ย.60) บวก 4.19 บาท จากระดับ 2.86 บาท ( 30 ธ.ค.59) โดยราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นแรงเนื่องจากหุ้นมีราคาถูกและง่ายต่อการดันราคา ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนธุรกิจออกมาโดดเด่น อีกทั้งนักวิเคราะห์แนะนำให้เข้าลงทุนยิ่งทำให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงและทำนิวไฮต่อเนื่อง

โดยบริษัทมั่นใจว่ารายได้และกำไรสุทธิปี 60 จะสูงกว่าปี 59 ที่มีรายได้ 152.63 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 41.28 ล้านบาท ตามกการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อ โดยครึ่งปีแรกบริษัทปล่อยสินเชื่อใหม่ไปแล้ว 334 ล้านบาท สูงขึ้น 277% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ปล่อยสินเชื่อใหม่ 89 ล้านบาท  เนื่องจากบริษัทได้ออกแคมเปญส่งเสริมการตลาดในลักษณะการนำเสนอสินเชื่อรูปแบบใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดีขึ้น

ทั้งนี้ การปล่อยสินเชื่อในช่วงที่ผ่านมา มาจากสินเชื่อประเภทรถเกี่ยวนวดข้าว ซึ่งช่วงหลังเดือน เม.ย.มีการขอสินเชื่อเข้ามาเป็นจำนวนมาก เพราะหลายฝ่ายเชื่อว่าผ่านพ้นช่วงปีหน้าแล้งไปแล้วในปี 58-59 และในปี 60 ถือเป็นการฟื้นตัว จะเห็นได้จากปริมาณน้ำฝนที่มีเพิ่มขึ้น ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) บริษัทฯสามารถควบคุมได้ดีกว่าในอดีตที่ผ่านมา และอยู่ในระดับไม่น่ากังวล

ขณะที่ปี 61 บริษัทฯคาดว่าสัดส่วนพอร์ตสินเชื่อส่วนบุคคลจะปรับตัวสูงกว่า 50% จากปัจจุบันอยู่ที่ 40% และสินเชื่อเช่าซื้อรถเกี่ยวนวดข้าวอยู่ที่ 60% ซึ่งถือว่ามีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เพราะบริษัทได้ออกประเภทสินเชื่อที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยตั้งเป้าจะให้มีสินเชื่อหลากหลายประเภทเพื่อเป็นการกระจายพอร์ต

บล.คันทรี่ กรุ๊ป ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า GCAP (ซื้อ/มูลค่าเหมาะสม 9.6 บาท) แม้ปรับประมาณการกำไรปีนี้ลงเพื่อสอดคล้องกับการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญของบริษัทที่ประเมินต่ำไว้กว่าคาด แต่ปีหน้ายังคงประมาณกำไรเดิมจากภาพรวมสินเชื่อ GCAP คาดเติบโตก้าวกระโดด

โดยแบ่งเป็น 3 ช่วงเวลาได้แก่ 3 ปีแรก (60-62) คาดโตเฉลี่ย 47.6% ต่อปี ภายใต้ประมาณการใหม่คาดปี 60 จะมีกำไรสุทธิ 44 ล้านบาท (+7.1%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) และโตเด่นต่อ 128% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ในปี 18

 

อันดับ 3 บริษัท เอส พี วี ไอ จำกัด (มหาชน) หรือ SPVI ราคาหุ้น 11 เดือนปรับตัวเพิ่มขึ้น 145% มาที่ระดับ 1.96 บาท (30 พ.ย.60) บวก 1.16 บาท จากระดับ 0.80 บาท ( 30 ธ.ค.59) โดยราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นแรงเนื่องจากหุ้นมีราคาถูกและง่ายต่อการดันราคา อีกทั้งสัญญาณทางเทคนิคหุ้นเป็นขาขึ้น และนักวิเคราะห์แนะนำให้เข้าลงทุน เนื่องจากคาดว่าบริษัทจะได้รับผลดีจากการเปิดตัว Iphone8 ในช่วงเดือนกันยายนส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่น

ขณะเดียวกันบริษัทรายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 3/60 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 60 มีกำไรมาที่ 8.83 ลบ. โต 609% จากปีก่อนมีกำไร 1.25 ลบ. ขณะที่ 9 เดือนแรกพลิกมีกำไร 17.17 ลบ. จากปีก่อนขาดทุน 1.55 ลบ.อีกทั้งรัฐบาลได้ออกมาตรการช้อปช่วยชาติระหว่างวันที่ 11 พ.ย.-3 ธ.ค.60 ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาหุ้นปรับตัวแรงในช่วงดังกล่าว

สำหรับบริษัทประกอบธุรกิจหลักเป็นหนึ่งในตัวแทนจำหน่าย (Reseller) ผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้า Apple ทั้งคอมพิวเตอร์ ผลิตภัณฑ์ประเภท iOS และอุปกรณ์เสริมต่างๆ รวมทั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้าอื่นๆ ที่สามารถนำมาใช้กับผลิตภัณฑ์ Apple เป็นหลัก เพื่อที่จะรองรับความต้องการของลูกค้าได้ครบวงจร นอกจากนี้ บริษัทยังได้ขยายธุรกิจการบริการให้แก่ลูกค้า โดยมีศูนย์บริการสำหรับสินค้าภายใต้ตราผลิตภัณฑ์ Apple ในนาม Smart Bar รวมทั้งเปิดศูนย์ฝึกอบรมตามมาตรฐาน Apple

 

อันดับ 4 บริษัท เน็ตเบย์ จำกัด (มหาชน) หรือ NETBAY ราคาหุ้น 11 เดือนปรับตัวเพิ่มขึ้น 117.14% มาที่ระดับ 38.00 บาท (30 พ.ย.60) บวก 20.50 บาท จากระดับ 17.50 บาท ( 30 ธ.ค.59) โดยราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นแรง เนื่องจากบริษัทมีแผนธุรกิจออกมาโดดเด่น อีกทั้งผลการดำเนินงานช่วงที่ผ่านมาสดใส และมีกองทุนบัวหลวงเข้ามาเก็บหุ้นจึงทำให้นักลงทุนมั่นใจ และเป็นแรงหนุนให้ราคาหุ้นปรับตัวทำนิวไฮต่อเนื่องในช่วงดังกล่าว

สำหรับแผนการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปี 60 บริษัทยังคงมุ่งเน้นการพัฒนา Digital Business Technology Platform ใหม่ๆ โดยมีแผนเปิดตัวบริการทำธุรกรรมทางออนไลน์รูปแบบใหม่ในครึ่งปีหลังเพื่อขยายฐานลูกค้าให้เพิ่มขึ้น และสร้างการเติบโตของรายได้จากการให้บริการเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ คาดว่ากลุ่มบริการ e-Trade Finance Supply Chain ที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการทำธุรกรรมการนำเข้า-ส่งออก และกลุ่ม e-Business Services ที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมกับสถาบันการเงิน ซึ่งเป็นกลุ่มที่สร้างรายได้หลัก จะสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งจากการขยายฐานลูกค้าใหม่และฐานลูกค้าในปัจจุบันที่ใช้บริการทำธุรกรรมผ่านระบบของบริษัท

 

อันดับ 5 บริษัท ปิโก (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ PICO ราคาหุ้น 11 เดือนปรับตัวเพิ่มขึ้น 105.06% มาที่ระดับ 7.30 บาท(30 พ.ย.60) บวก 3.74 บาท จากระดับ 3.56 บาท ( 31 ธ.ค.59) โดยราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นแรงเนื่องจากหุ้นมีพื้นฐานดีและมีกำไรต่อเนื่อง อีกทั้งราคาหุ้นถูกบวกกับสัญญาณทางเทคนิคที่เป็นขาขึ้นจึงเป็นแรงหนุนให้ราคาหุ้นปรับตัวแรงในช่วงดังกล่าว

สำหรับบริษัทเป็นผู้ให้บริการบริหารจัดทำการประชุมและการแสดงสินค้านานาชาติ กิจกรรมทางการตลาด การสร้างภาพลักษณ์ทางธุรกิจแบบครบวงจรแก่ลูกค้า การให้บริการด้านการสร้างสรรค์แหล่งสื่อสารองค์ความรู้ และการผลิตสื่อและเผยแพร่องค์ความรู้ในรูปแบบของดิจิตอล คอนเทนต์ และมีเดีย

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button