BSM วิ่งกระฉูด 12% แรงในรอบ 2 ปี ลุ้นกำไรปี 60 ทำนิวไฮตามธุรกิจอสังหาฯ

BSM วิ่งกระฉูด 12% แรงในรอบ 2 ปี ลุ้นกำไรปี 60 ทำนิวไฮตามธุรกิจอสังหาฯ โดย ณ เวลา 15.26 น. อยู่ที่ระดับ 0.82 บาท บวก 0.09 บาท หรือ 12.33% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 19.50 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท บิวเดอสมาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ BSM  ณ เวลา 15.26 น. อยู่ที่ระดับ 0.82 บาท บวก 0.09 บาท หรือ 12.33% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 19.50 ล้านบาท ราคาหุ้นปรับตัวแรงในรอบ 2 ปี โดยนับตั้งแต่หุ้นปรับตัวที่ระดับ 0.83 บาท เมื่อวันที่ 26 ต.ค.58

โดยก่อนหน้านี้ นายสัญชัย เนื่องสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า บริษัทมองหาโอกาสพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพต่อ เนื่องจากโครงการแรกย่านสุขุมวิทที่บริษัทซื้อมาจาก บริษัท แอล เค เอช ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด และดึงเข้ามาเป็นพันธมิตร เนื่องจากเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดไม่เกิน 4,000 ตารางเมตร จำนวนยูนิตไม่เกิน 79 ห้องยูนิต ขณะที่โดยบริษัทฯยังมีความสามารถในการกู้เงินจากสถาบันทางการเงินได้เพิ่มเติม เนื่องจากปัจจุบันแทบจะไม่มีภาระหนี้สินเลย

อีกทั้งคณะกรรมการ BSM ได้อนุมัติการจัดตั้งบริษัทย่อย ชื่อ บริษัท ทีค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด โดย BSM ถือหุ้น 99.99% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด เพื่อเข้าซื้อโครงการ The Teak Sukhumvit 39 มูลค่า 145 ล้านบาท

พร้อมทั้งเสนอขายต่อบุคคลในวงจำกัด (PP) จำนวน 2 ล้านหุ้น และติดระยะเวลาห้ามขาย (ไซเลนต์ พีเรียด) 2 ปี ในราคาเสนอขายหุ้นละ 0.65 บาท (มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.10 บาท) รวมเป็นเงินระดมทุน 130 ล้านบาท กำหนดวันเสนอขายหุ้น PP ในวันที่ 15 ม.ค.61 โดยจะมีการเสนอเข้าที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ในวันที่ 10 ม.ค.61 และส่วนที่เหลืออีก 15 ล้านบาท จะมาจากเงินทุนของบริษัทฯ ซึ่งการดำเนินการต่างๆจะแล้วเสร็จภายในเดือน ม.ค. 61

นายสัญชัย กล่าวว่า โครงการดังกล่าวจะเริ่มก่อสร้างในเดือน ม.ค. 61 พร้อมคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มรับรู้รายได้บางส่วนในช่วงปลายปี 61 ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปีหน้าสูงขึ้นไปแตะระดับ 700 ล้านบาท โดยจะมาจากธุรกิจเดิม ซึ่งเป็นการผลิตและจำหน่ายอลูมิเนียม อัลลอย รวมทั้งประตูและหน้าต่าง 600 ล้านบาท และรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์โครงการ The Teak Sukhumvit 39 ราว 100 ล้านบาท

ส่วนในปีนี้กำไรสุทธิของบริษัทฯจะทำสถิติสูงสุดใหม่อย่างแน่นอน หลัง 9 เดือนที่ผ่านมาบริษัทฯมีกำไรสุทธิ 35.97 ล้านบาท ซึ่งถือว่าทำสถิติสูงสุดใหม่แล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากการรับรู้กำไรจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โครงการ “Sansara” ที่มีทั้งหมด 6 หลัง โดยปัจจุบันขายไปแล้ว 6 หลัง

ในส่วนของรายได้ในปีนี้คาดว่าจะเติบโตจากปีก่อนไม่มากนัก เนื่องจากการขายสิทธิสัญญาเช่าของโครงการ “Sansara” ไม่มีการบันทึกรายได้ แต่เป็นเพียงการบันทึกกำไรเท่านั้น โดยทิศทางในช่วงไตรมาส 4/60 นี้รายได้จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทฯยังคงมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโรงพยาบาล ศูนย์สุขภาพ และงานโครงการบ้าน ปัจจุบันบริษัทฯอยู่ระหว่างติดตามงานอยู่ 800 โครงการ มูลค่า 160 ล้านบาท และจะทยอยรู้ผลโครงการภายใน 3-6 เดือน

Back to top button