นาทีทองช้อน CPT ช่วง P/E ต่ำ เก็บก่อนประกาศงบฯ Q4 รับทันทีปันผลสูงปรี๊ด
นาทีทองช้อนหุ้น CPT ช่วง P/E ต่ำ เก็บก่อนประกาศผลการดำเนินงาน Q4/60 รับทันทีปันผลสูงปรี๊ด
ภายหลังจาก บริษัท ซีพีที ไดร์ แอนด์ เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPT เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม หมวดธุรกิจวัสดุอุตสาหกรรมและเครื่องจักร เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2560 ราคาหุ้นในวันเข้าซื้อขายวันแรกปรับตัวลงต่ำกว่าราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) โดยปิดตลาดที่ 2.08 บาท ปรับตัวลดลง 0.22 บาท หรือ 9.57% จากราคา IPO ที่ 2.30 บาท
อย่างไรก็ตามราคาหุ้นในวันซื้อขายถัดมาปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดปิดตลาดเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2560 อยู่ที่ระดับ 2.18 บาท
ด้าน นายวิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ที่ปรึกษาทางการเงิน CPT ได้เปิดเผยถึงกรณีที่ราคาหุ้นปรับตัวลงต่ำกว่าราคา IPO ว่า ปัจจัยที่ทำให้ราคาหุ้น CPT หลุดจองจากราคาไอพีโอคาดว่าเป็นผลมาจากในช่วงนี้มีหุ้นไอพีโอเข้ามาซื้อขายติดต่อกัน เลยส่งผลให้มีแรงขายทำกำไรออกมาจนทำให้ราคาหุ้น CPT หลุดจองจากราคาไอพีโอ
“ส่วนตัวรู้สึกแปลกใจมาก เนื่องจาก CPT มีพื้นฐานที่ดี ยังมีโอกาสเติบโตในอนาคต โดยเงินระดมทุนก็จะนำไปใช้ในการขยายกิจการทั้งหมด ไม่ได้นำไปชำระหนี้ เนื่องจากไม่ได้มีการสร้างหนี้ระยะยาว โดย CPT มีแผนนำเงินประมาณ 200 ล้านบาทไปก่อตั้งโรงงานใหม่ ซึ่งจะทำให้บริษัทมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และมีมูลค่าเพิ่มที่สูงขึ้น รวมถึงมีแผนก่อตั้งสำนักงานสาขาในต่างประเทศอย่าง เวียดนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ที่คาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 70 ล้านบาท” นายวิชา กล่าว
ส่วนแนวโน้มผลประกอบการในช่วงไตรมาส 4/60 นายวิชา คาดว่า บริษัทจะเติบโตโดดเด่นที่สุดเนื่องจากจะมีการรับรู้ในส่วนของกำไรสุทธิมากที่สุดของปี โดยเปรียบเทียบกับในช่วงปี 59 ที่ปริษัทมีการรับรู้กำไรในช่วงไตรมาส 4/59 อยู่ที่ 60 ล้านบาท จากกำไรสุทธิทั้งปีที่ 111 ล้านบาท ขณะที่นโยบายปันผลของบริษัทมีอัตราการจ่ายเงินปันผล (Dividend payout ratio) อยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 40%
ทั้งนี้จากการตรวจสอบข้อมูลของ “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” พบว่า ปัจจุบัน CPT มีอัตราส่วนกำไรต่อหุ้น (P/E) เพียง 13.02 เท่า ณ วันที่ 22 ธันวาคม 2560 ซึ่งถือว่าต่ำกว่าค่า P/E ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ซึ่งอยู่ที่ 18.80 เท่า CPT จึงถือว่าเป็นหุ้นที่ค่า P/E ต่ำ ราคาหุ้นจึงมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้อีกสะท้อนมูลค่าที่แท้จริง
ขณะที่นโยบายปันผลของบริษัทมีอัตราการจ่ายเงินปันผล (Dividend payout ratio) ไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ ซึ่งในงวด 9 เดือนของปี 2560 บริษัทมีกำไรสุทธิ 85.64 ล้านบาท ขณะที่ในไตรมาส 4 จะเป็นช่วงที่บริษัทมีผลประกอบการเติบโตโดดเด่นที่สุด เนื่องจากจะมีการรับรู้ในส่วนของกำไรสุทธิมากที่สุดของปี หากคำนวณกำไรสุทธิของปี 2560 โดยเปรียบเทียบกับในช่วงปี 2559 ที่ปริษัทมีการรับรู้กำไรในช่วงไตรมาส 4 ปี 2559 อยู่ที่ 60 ล้านบาท เท่ากับว่าในปี 2560 บริษัทจะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ประมาณ 145 ล้านบาท
นอกจากนี้ภายหลังจากการเสนอขาย IPO จำนวน 270 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท ในราคาจองซื้อหุ้นละ 2.30 บาท ส่งผลให้บริษัทได้รับเงินจากการระดมทุนรวม 621 ล้านบาท ซึ่งบริษัทวางแผนนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ ลงทุนซื้อที่ดินสำหรับก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่และซื้อเครื่องจักรเพื่อการผลิตตู้ไฟชนิดไม่มีโครงสร้าง Metal Clad Switchgear (MSCG) และการประกอบ Ring Main Unit (RMU) ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันที่ดีขึ้น ประมาณ 200 ล้านบาท
อีกทั้งใช้เพื่อการขยายตลาดต่างประเทศ ประมาณ 70 ล้านบาท เท่ากับว่าบริษัทยังเหลือเงินทุนจากการระดมทุนอีกประมาณ 351 ล้านบาท ขณะที่บริษัทมีหนี้สินค่อนข้างต่ำ โดยหนี้สินไม่หมุนเวียนในงวด 9 เดือนของปี 2560 อยู่ที่ 33.32 ล้านบาท ขณะเดียวกันเมื่อคำนวณอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Debt to Equity ratio : D/E) งวด 9 เดือนของปี 2560 อยู่ที่ 0.83 เท่า แสดงให้เห็นว่าบริษัทมีศักยภาพที่สามารถชำระหนี้สูง
ทั้งนี้ เป็นที่น่าจับตาว่า CPT จะสามารถจ่ายเงินปันผลจากกำไรสุทธิงวดปี 2560 ได้มากเท่าใด ซึ่งเบื้องต้นผู้สื่อข่าวตั้งข้อสังเกตว่า บริษัทฯจะสามารถจ่ายเงินปันผลในงวดดังกล่าวได้มากกว่าช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากบริษัทฯเพิ่งได้รับเงินจากการระดมทุนผ่านหุ้น IPO ราว/กว่า 621 ล้านบาท ส่งผลให้สามารถนำเงินจำนวนดังกล่าวไปดำเนินการขยายกิจการได้อย่างเต็มที่โดยไม่มีความจำเป็นต้องเก็บกำไรสะสมที่จัดสรรแล้ว (Retained Earnings) ไว้ใช้สำหรับการลงทุนเหมือนช่วงก่อนหน้าจะเข้ามาจดทะเบียนใน SET
นอกจากนี้ ยังเป็นที่น่าจับตาอีกด้วยว่า หาก CPT สามารถรักษาระดับกำไรสุทธิงวดไตรมาส 4/2560 ไว้ได้ในระดับเดียวกันหรือมากกว่าช่วงไตรมาส 4/2559 ก็จะถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่อาจส่งผลให้บริษัทฯสามารถจ่ายเงินปันผลได้สูงขึ้น โดยอ้างอิงจากตัวเลขกำไรสุทธิงวด 9 เดือนของปีนี้ ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ว่าบริษัทฯมีโอกาสสูงที่ตัวเลขกำไรสุทธิในปีนี้จะเติบโตขึ้นจากปีที่ผ่านมา
สำหรับการประกาศจ่ายปันผลประจำปีนั้นจะเป็นช่วงเดียวกับการรายงานผลการดำเนินงานเมื่อสิ้นสุดไตรมาส 4/60 โดยบริษัทจดทะเบียนจะต้องรายงานผลการดำเนินงานภายหลังจากวันสุดท้ายของเดือนธันวาคมได้ไม่เกิน 60 วัน
ดังนั้น บริษัทจดทะเบียนจะทยอยประกาศการจ่ายเงินปันผลในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ไปจนถึงวันสุดท้ายของเดือน และหากมีการจ่ายปันผลร่วมด้วย บริษัทจดทะเบียนจะประกาศขึ้นเครื่องหมาย XD ไม่ได้รับสิทธิปันผล (Exclude Dividend) ภายหลังประกาศผลการดำเนินงานประมาณ 10 วัน อย่างไรก็ตามราคาหุ้นมักจะเคลื่อนไหว หรือตอบสนองในด้านบวกก่อนล่วงหน้าประกาศจ่ายเงินปันผลเสมอ
จึงเป็นที่น่าจับตาว่า การเข้าลงทุนในหุ้น CPT ต่อจากนี้ไปจนถึงช่วงขึ้นเครื่องหมาย XD ไม่ได้รับสิทธิปันผล (Exclude Dividend) จะเป็นการลงทุนที่ได้รับผลตอบแทนในอัตราสูงในระยะเวลาสั้นๆได้หรือไม่?