AOTเล็งเปิดประมูล Terminal2 สุวรรณภูมิกลางปี61 คาดรองรับผู้โดยสารเพิ่มเป็น90ล้านคน/ปี
AOT เล็งเปิดประมูล Terminal 2 สุวรรณภูมิกลางปี 61 มั่นใจรองรับผู้โดยสารเพิ่มอีก 30 ล้านคน/ปี เป็น 90 ล้านคน/ปี คาดเปิดให้บริการส่วนขยายสุวรรณภูมิ เฟส 2 ใน Q3/63
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT เปิดเผยว่า งานก่อสร้างส่วนขยายอาคารผู้โดยสารทิศตะวันออกด้านทิศตะวันออก ที่มีวงเงินประมาณ 6 พันล้านบาท จะพิจารณาเปิดประมูลราวกลางปี 61 ใกล้เคียงกับเปิดประมูลงานก่อสร้างอาคารผู้โดยสารแห่งที่ 2 (Terminal 2)
ทั้งนี้เนื่องจากงานก่อสร้างส่วนขยายอาคารผู้โดยสารทิศตะวันออกด้านทิศตะวันออก จะต้องรอการออกแบบของอาคารผู้โดยสารแห่งที่ 2 ก่อน เพราะ 2 ส่วนนี้มีการเชื่อมการใช้ระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (APM) ด้วยกัน โดยเบื้องต้นคาดว่าจะสามารถประมูลงานก่อสร้างอาคารผู้โดยสาร แห่งที่ 2 ในช่วงกลางปีหน้าขณะเดียวกันของอยู่ระหว่างรอรายงานการจัดทำแผนกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (EIA) ผ่านการอนุมัติก่อน
สำหรับงานขยายอาคารผู้โดยสาร (Terminal) แห่งที่ 2 มูลค่า 3.4 หมื่นล้านบาทที่จะรองรับผู้โดยสารเพิ่มอีก 30 ล้านคน/ปี เป็น 90 ล้านคน/ปี ขณะที่โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เฟส 2 เมื่อแล้วเสร็จจะรองรับได้ 60 ล้านคน/ปี โดยเมื่อสิ้น ก.ย.60 หรือสิ้นงวดปี 60 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีจำนวนผู้โดยสารใช้บริการ 59.08 ล้านคน
ล่าสุด การประมูลงานจัดซื้อพร้อมติดตั้งระบบสายพานลำเลียงกระเป๋าและระบบตรวจจับวัตถุระเบิด (BHS&EDS) (ขาออก)โดยนิติบุคคลร่วมทำงานล็อกซเล่ย์-แอลพีเอส ประกอบด้วย บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) หรือ LOXLEY และบริษัท ล็อกซเล่ย์ เพาเวอร์ ซิสเต็มส์ จำกัด บริษัทลูกของล็อกซเลย์เป็นผู้ได้งาน มูลค่า 3,788.76 ล้านบาท ต่ำกว่าราคากลาง 1% ซึ่งจะนำเสนอคณะกรรมการบริษัทในวันที่ 20 ม.ค.61 เพื่ออนุมัติต่อไป
นอกจากนี้ในงวดปี 61 (ต.ค.60-ก.ย.61) ตั้งงบลงทุน 1.2 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนใช้งบ 1 หมื่นล้านบาท โดยในช่วง 2 ปีนี้ใช้ลงทุนในโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเฟส 2 สัดส่วน 50% หรือราว 1.1 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่าในปี 62-63 AOT จะเริ่มใช้เงินลงทุนมากขึ้น และคาดการณ์ว่าในปี 63 กระแสเงินสดอาจจะลดลงอย่างมาก ดังนั้น จึงวางแผนใช้เงินกู้ในประเทศ โดยปัจจุบัน AOT มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน 0.3 เท่า
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทมีกระแสเงินสด 6.9 หมื่นล้านบาท และยังมีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ปีละประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ที่สามารถนำไปใช้ลงทุนโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภุมิ รวมทั้ง ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานภูเก็ต ท่าอากาศยานหาดใหญ่ และท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย ที่ตั้งงบลงทุน 2.2 แสนล้านบาทในช่วง 10 ปี (ปี 59-68)
“โครงการขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเฟส 2 เริ่มต้นตั้งแต่ปี 58 ในปี 62-63 จะใช้เงินลงทุนเยอะ ซึ่งประเมินว่า cash จะช็อต ในปี 63 บนสมมติฐานที่โครงการไม่ delay …เราคงกู้เงินในประเทศ เพราะสภาพคล่องในประเทศมีอยู่มาก แต่ก็ต้องดูตลาดช่วงนั้นอีกครั้ง” นายนิตินัยกล่าว
ส่วนงานประมูลของโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เฟส 2 ส่วนใหญ่แล้วเสร็จตามกำหนดแผนงานในเดือน พ.ย. 62 และสามารถเปิดทดสอบไปได้ก่อน 6 เดือนขึ้นไป แม้ว่าบางงานจะล่าช้ากว่าแผนไปบ้าง ได้แก่ งานติดตั้งระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (APM) ที่คาดแล้วเสร็จ มี.ค.63 ใช้เวลานาน 29 เดือน จากเดิมวางไว้ พ.ย.62 ทั้งนี้ คาดว่า AOT จะเปิดให้บริการส่วนขยายสุวรรณภูมิเฟส 2 ได้ในไตรมาส 3 ของปี 63
ทั้งนี้ งานก่อสร้างโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เฟส 2 ที่มีกรอบงบประมาณ 6.25 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันสามารถประหยัดงบประมาณได้ 1.1 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 17.66% จากกรอบที่วางไว้ 6.2 หมื่นล้านบาท โดยยังไม่รวมงานก่อสร้างส่วนขยายอาคารผู้โดยสารทิศตะวันออกด้านทิศตะวันออก อาคารสำนักงานสายการบินและที่จอดรถด้านทิศตะวันออก (CC2) ที่เหลืออยู่งานเดียวจาก 7 งาน
ขณะนี้อยู่ระหว่างแยกงานประมูลอาคารสำนักงานสายการบินและที่จอดรถด้านทิศตะวันออก วงเงินประมาณกว่า 1 พันล้านบาทออกมาก่อนในช่วงต้นปี 61 เพื่องานเดินหน้าได้เร็วที่สุด
ด้านนายเอนก ธีระวิวัฒน์ชัย รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ AOT เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทได้แบบของอาคารผู้โดยสารแห่งที่ 2 แล้ว มีอยู่ 4 แบบกำลังอยู่การพิจารณาของคณะกรรมการ และรอผ่าน EIA ส่วนงานทางวิ่ง (Runway)ที่ 3 ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิอยู่ระหว่างการออกแบบ ที่ใช้ระยะเวลา 10 เดือน ขณะนี้ผ่านไป 2 เดือนแล้ว คาดว่าเสร็จในไตรมาส 3/61 และเปิดประมูลได้ในปลายปี 61 โดยขณะนี้งานทางวิ่งที่ 3 ก็เร่ง EIA เช่นกัน
อนึ่ง งานอาคารผู้โดยสาร แห่งที่ 2 และ งานทางวิ่งที่ 3 เป็นโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเฟส 3 ที่รองรับผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้นเป็น 90 ล้านคน/ปี