น้องใหม่ป้ายแดง GPSC ปิดเทรดวันแรกที่ 26 บ. ต่ำกว่า IPO 3.7%
GPSC ปิดเทรดวันแรกที่ 26 บ. ต่ำกว่าราคาขาย IPO 3.7% มูลค่าซื้อขาย 3.58 พันล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 26.25 บาท ราคาขึ้นสูงสุด 27.25 บาท และราคาลงต่ำสุด 26 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ปิดเทรดวันแรกที่ 26 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ 3.70% จากราคาขาย IPO ที่ 27 บาท/หุ้น มูลค่าซื้อขาย 3.58 พันล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 26.25 บาท ราคาขึ้นสูงสุด 27.25 บาท และราคาลงต่ำสุด 26 บาท
บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุในบทวิเคราะห์ฯประเมินราคาเป้าหมายปี 58 ของ GPSC ที่ 26 บาท ซึ่งเทียบเท่ากับ 16F P/E=18.8x และ P/B=1.0x โดยที่ราคา IPO สูงกว่าราคาเป้าหมาย จึงแนะนำ”ซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว”
ในเบื้องต้น ประเมินมูลค่าหุ้น GPSC ด้วยค่าเฉลี่ย EV/MW=37.31 ลบ. ของหุ้นโรงไฟฟ้าใหญ่ 3 บริษัท คือ EGCO, GLOW และ RATCH ได้เท่ากับ 41.75 บ. แต่ด้วยความสามารถในการสร้างผลตอบแทนต่อเงินลงทุนของ GPSC ที่ต่ำกว่าโรงไฟฟ้าอื่น ๆ เห็นได้จาก ROIC ของ GPSC อยู่ที่ระดับ 5.95% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 9% ค่อนข้างมาก ดังนั้น จึงปรับลด EV/MW ของ GPSC ลงตามสัดส่วน ROIC ที่ทำได้=24.67 ลบ.
จุดเด่นของ GPSC เป็นบริษัทมีฐานะเป็นแกนนำ(Flagship) ในการดำเนินธุรกิจไฟฟ้าของกลุ่ม PTT ซึ่งหนุนให้ GPSC มีโอกาสขยายธุรกิจไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งยังได้อาศัยความสัมพันธ์อันดีของกลุ่ม PTT กับหน่วยงานของรัฐ และบริษัทอื่นที่เป็นคู่ค้า เพื่อให้บริษัทได้เข้าร่วมลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง
แนวโน้มกำไรปี 58 ประเมินกำไร GPSC ที่ 1,720 ลบ.(+9%YoY) มาจากกำลังผลิตใหม่ของ IRPCCP-I (23 MW) คิดเป็น EPS=1.15 บ. (-18%YoY จากหุ้นเพิ่มทุน 374.6 ล้านหุ้น หรือ 25% ของจำนวนหุ้นหลัง IPO) ส่วน FY59F คาดกำไรเพิ่มเป็น 2,087 ลบ. (+21%YoY) โดยได้แรงหนุนจากกำลังผลิตใหม่ที่เพิ่มขึ้น 38 MW ของ NNEG และ FY60-63 จะเติบโตก้าวกระโดดตามกำลังผลิตที่จะเพิ่มขึ้น 154 MW ในปี 60, ปี 62: 321 MW จากโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี กำหนดจะเริ่มผลิตในเดือน ต.ค.62 และผลิตเต็มปีในปี 63 ซึ่งจะเป็นโรงไฟฟ้าหลักที่หนุนกำไรปี 63 ให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ