ตลาดหุ้นเอเชียผันผวน หลังดาวโจนส์ปิดลบ-นลท.ชะลอซื้อขายก่อนช่วงวันหยุดปีใหม่

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวผันผวนในเช้าวันนี้ หลังดาวโจนส์ปิดลบ ฟากนักลงทุนชะลอซื้อขายก่อนช่วงวันหยุดปีใหม่


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวผันผวนในช่วงเช้านี้ ท่ามกลางภาวะการซื้อขายที่ซบเซา เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่จะถึงช่วงเทศกาลปีใหม่ นอกจากนี้ การปรับตัวลงของตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนนี้ ยังส่งผลให้ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นเอเชียอ่อนแรงลงด้วย

โดยตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (26 ธ.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,746.21 จุด ลดลง 7.85 จุด (-0.03%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,680.50 จุด ลดลง 2.84 จุด (-0.11%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,936.25 จุด ลดลง 23.71 จุด (-0.34%)

ทั้งนี้ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 29,632.97 จุด เพิ่มขึ้น 54.96 จุด, +0.19% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,383.38 จุด เพิ่มขึ้น 5.22 จุด, +0.15% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,760.71 จุด เพิ่มขึ้น 0.72 จุด, +0.04%

ขณะที่ ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 8,427.05 จุด ลดลง 5.26 จุด, -0.06% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,302.46 จุด ลดลง 3.66 จุด, -0.11% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,419.81 จุด ลดลง 2.10 จุด, -0.02% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,420.86 จุด ลดลง 6.48 จุด, -0.27% ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 22,854.39 จุด ลดลง 38.30 จุด, -0.17%

โดยตลาดหุ้นสหรัฐปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี นำโดยหุ้นแอปเปิลที่ร่วงลงอย่างหนักถึง 2.5% หลังจากหนังสือพิมพ์อีโคโนมิค เดลี่ ของไต้หวันรายงานว่า ยอดขายผลิตภัณฑ์ iPhone X จะออกมาต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่ตลาดจับตาดูนั้น สำนักงานสภิติแห่งประเทศจีน (NBS) เปิดเผยว่า กำไรของบริษัทขนาดใหญ่ในภาคอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้น 14.9% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 7.858 แสนล้านหยวน ซึ่งเป็นการขยายตัวในอัตราช้าที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.ปีนี้ และยังขยายตัวน้อยกว่าเดือนต.ค.ที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 25.1%

ส่วนในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ กำไรของบริษัทขนาดใหญ่ในภาคอุตสาหกรรม ขยายตัว 21.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับช่วงเดือนม.ค.-ต.ค. ซึ่งขยายตัว 23.3%

Back to top button