PACEเพิ่มทุนสัปดาห์นี้!จับตา”สรพจน์”เตรียมทุ่ม? หลัง”ไทยพาณิชย์”ใส่เงินซื้อPPนำร่อง200ลบ.
จับตา “สรพจน์” เตรียมอัดฉีดเงิน 1.36 พันลบ. ใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุน RO ตามสัดส่วน 36.22% ล่าสุดมีรายงานว่าบรรลุข้อตกลงกับบริษัทจดทะเบียนแห่งหนึ่งไฟเขียวเงินกู้ให้แล้ว ขณะที่ก่อนหน้านี้ SCB นำร่องซื้อหุ้นเพิ่มทุนแบบ PP ไปแล้ว 200 ลบ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สัปดาห์นี้จับตาการเพิ่มทุนของบริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PACE ที่เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering :RO) จำนวนไม่เกิน 7,516,056,394 หุ้น อัตราส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 2 หุ้นเพิ่มทุน ในราคาหุ้นละ 0.50 บาท ที่กำหนดวันจองซื้อและชำระค่าหุ้น 9-15 ม.ค. 2561 หลังได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2560 และได้ขึ้นเครื่องหมาย XR (วันที่ไม่ได้รับสิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุน) วันที่ 19 ธ.ค. 2560 ที่ผ่านมา
สำหรับการเพิ่มทุนดังกล่าวต้องจับตาไปที่นายสรพจน์ เตชะไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PACE ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 สัดส่วน 36.22% (หรือ 1,361.17 ล้านหุ้น) ทั้งนี้หากนายสรพจน์ ใช้สิทธิ์ซื้อหุ้นเพิ่มทุนตามสัดส่วนทั้งหมด PACE จะได้เงินเพิ่มทุนจากนายสรพจน์ ประมาณ 1,360 ล้านบาท เบื้องต้นมีรายงานว่า มีบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งหนึ่งได้มีข้อตกลงให้การสนับสนุนทางการเงินให้นายสรพจน์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ส่วนผู้ถือหุ้นใหญ่อีกคนคือนายวิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุล ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 สัดส่วน 7.39% (หรือ 277.66 ล้านหุ้น) หากนายวิวรรธน์ ใช้สิทธิ์เพิ่มทุนตามสัดส่วนทั้งหมด PACE จะได้เงินเพิ่มทุนจากนายวิวรรธน์ ประมาณ 277 ล้านบาท และหากผู้ถือหุ้นใหญ่ทั้ง 2 รายมีการใช้สิทธิ์เพิ่มทุนดังกล่าว เท่ากับว่า PACE จะได้เงินเบื้องต้นประมาณ 2,000 ล้านบาท
สำหรับการเพิ่มทุนดังกล่าว PACE มีแผนนำเงินไปใช้ในการปรับโครงสร้างเงินทุนบริษัท ด้วยการชำระคืนเงินกู้ยืมระยะสั้นและระยะยาวที่ PACE ได้นำมาใช้ในการบริหารสภาพคล่อง เป็นการชาระคืนเงินกู้ยืมภายในกำหนดระยะเวลาที่ตกลงไว้กับผู้ให้กู้ โดยจำนวนเงินที่จะชำระคืนให้แก่ผู้ให้กู้ประมาณ 2,000 ล้านบาท (ไม่รวมดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายต่างๆ) อีกทั้งเป็นการชำระคืนให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้ประมาณ 1,500 ล้านบาท
ทั้งนี้กรณีหุ้นเพิ่มทุนทั้งหมดที่บริษัทออกและเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) ครั้งนี้มีผู้จองซื้อเต็มจำนวน บริษัทจะสามารถระดมทุนได้ไม่ต่ำกว่า 3,758 ล้านบาท เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนระยะสั้นในการปรับโครงสร้างหนี้วงเงินประมาณ 3,500 ล้านบาท
สำหรับกรณีการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (Private Placement :PP) จำนวนไม่เกิน 1,500 ล้านหุ้น ก่อนหน้านี้ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ได้นำร่องเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนแบบ PP ล็อตแรก 400 ล้านหุ้น (9.62%) ราคาหุ้นละ 0.51 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 204 ล้านบาท เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้ PACE พร้อมทั้งบริษัท เพซ โปรเจ็ค วัน จำกัด และบริษัท เพซ โปรเจ็ค ทรี จำกัด สามารถดำเนินการพัฒนาโครงการมหานครได้ต่อไป
ด้าน นายอาทิตย์ นันทวิทยา กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB เปิดเผยว่า การเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุน PACE แบบเฉพาะเจาะจง จำนวน 400 ล้านหุ้น ราคา 0.51 บาท เพื่อต้องการให้ PACE มีสภาพคล่องทางการเงินมากยิ่งขึ้นและเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาภาวะหนี้สินล้นพ้นตัว ที่สำคัญการซื้อหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกรณี PACE มีการเพิ่มทุนให้ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Right Offering : RO) แต่อย่างใด
ขณะที่นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารสายงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ (5 ม.ค. 2560) ว่าตามที่ SIRI และบริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PACE ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจเพื่อการเจรจาซื้อขายโครงการนิมิตหลังสวน (ทั้งโครงการ)
พร้อมด้วยห้องชุดที่พักอาศัยในโครงการเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส บางกอก (จำนวน 53 ห้องชุด) ในโครงการอาคารชุดมหานคร โดย SIRI จะซื้อโครงการดังกล่าวจาก PACE และขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบทรัพย์สินที่จะซื้อขาย (Due Diligence) มีกำหนดระยะเวลา 60 วัน นับจากวันที่ลงนามบันทึกความเข้าใจดังกล่าวเมื่อวันที่ 7 พ.ย. 2560
ทั้งนี้เนื่องจากการตรวจสอบทรัพย์สินที่ซื้อขายยังไม่แล้วเสร็จทั้ง 2 ฝ่าย (SIRI และ PACE) จึงตกลงกันขยายระยะ เวลาการทำ Due Diligence ออกไปจนถึงวันที่ 5 ก.พ. 2561 โดย SIRI มีความพึงพอใจในการทำงานร่วมกับ PACE หากมีความคืบหน้าจะเปิดเผยต่อตลาดหลักทรัพย์ฯต่อไป