HMPRO-GLOBAL วิ่งคึก! รับครม.ไฟเขียวเพิ่มวงเงินบัตรคนจน

HMPRO-GLOBAL วิ่งคึก! รับครม.ไฟเขียวเพิ่มวงเงินบัตรคนจน โบรกฯชี้งบฯ  Q4/60 สดใส พร้อมชี้ผลงานปี 61 เติบโตต่อเนื่อง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หุ้นกลุ่มค้าปลีกปรับตัวขึ้นแรงถ้วนหน้าวันนี้(9 ม.ค.) นำโดยหุ้น HMPRO,GLOBAL หลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)วันนี้เห็นชอบในหลักการของมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐระยะที่ 2 และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการแต่ละโครงการ อีกทั้งนักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 4/60 คาดออกมาสดใส

โดยราคาหุ้นบริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO ปิดตลาดวันนี้ ราคาอยู่ที่ 14 บาท เพิ่มขึ้น 0.70 บาท หรือ 5.26% สูงสุดที่ระดับ 14.10 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 13.10 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.36 พันล้านบาท โดยราคาหุ้นปิดวันนี้ปรับตัวสูงสุดในรอบ 16 ปี หรือนับตั้งแต่เข้าตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 30 ต.ค.2544  

ขณะที่ราคาหุ้นบริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOBAL ปิดตลาดวันนี้ ราคาอยู่ที่ 17.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท หรือ 2.29% สูงสุดที่ระดับ 18 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 17.30 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 142.70 ล้านบาท

นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบในหลักการของมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 2 และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการแต่ละโครงการ

นอกจากนี้เห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (คนส.) คณะอนุกรรมการติดตามการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (คอต.) คณะอนุกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐประจำจังหวัด (คอจ.) หรือ ทีมหมอประชารัฐสุขใจ รวมทั้งเห็นชอบในหลักการของการแต่งตั้งคณะกรรมการทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐประจำอำเภอ (ทีมปรจ.)

อีกทั้งเห็นชอบในหลักการของมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการพัฒนาผู้มีบัตรสวัสิดการแห่งรัฐ โดยเมื่อ ครม.ให้ความเห็นชอบแล้ว ทางกรมสรรพากรจะเสนอร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ ครม.พิจารณาให้ความเห็นชอบ รวมทั้งประสานธนาคารกรุงไทย (KTB) เพื่อดำเนินการการรับชำระค่าจ้างผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐต่อไป

นายณัฐพร กล่าวอีกว่า ที่ประชุมครม.เห็นชอบให้ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ดำเนินมาตรการพัฒนาผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รวม 6 มาตรการ 18 โครงการ และให้โครงการดังกล่าวเป็นโครงการธุรกรรมนโยบายรัฐ (Public Service Account:PSA)

โดยที่ประชุม ครม.ได้อนุมัติงบประมาณรวมทั้งสิ้น 35,679 ล้านบาท แบ่งเป็นงบประมาณสำหรับโครงการเพื่อรองรับมาตรการการพัฒนาคุณภาพชีวิตฯ วงเงินไม่เกิน 6,774 ล้านบาท และงบประมาณสำหรับธนาคารออมสิน และธ.ก.ส. ในการดำเนินงานเป็นวงเงินไม่เกิน 12,033 ล้านบาท

และเป็นงบประมาณสำหรับค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษาและวัตถุดิบเพื่อเกษตรกรรมจากร้านธงฟ้าประชารัฐ และร้านอื่นๆ ที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด เป็นวงเงินไม่เกิน 13,872 ล้านบาท และที่เหลือเป็นงบประมาณค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ

นายณัฐพร กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า กระทรวงคลังจะต้องส่งข้อมูลผู้ที่มีบัตรสวัสดิการให้กับคณะกรรมการประจำจังหวัดภายในเดือนม.ค. 61 จากนั้นผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ประสงค์จะมีการพัฒนาตัวเองจะต้องมาพบกับเจ้าหน้าที่ ภายในก.พ.61 แต่หากไม่มาทางเจ้าหน้าที่จะลงพื้นที่ไปพบเป็นรายตัวในเดือนเม.ย.

สำหรับมาตรการนี้จะครอบคลุมผู้มีรายได้น้อยราว 4.7 ล้านคน โดยจะมีมาตรการจูงใจสำหรับผู้ถือบัตรฯที่มาเข้าโครงการในเฟส 2 กรณีที่รายได้ไม่ถึง 30,000 บาท/ปี จะได้วงเงินช่วยเหลือเพิ่มอีก 200 บาท/เดือน ส่วนในกรณีที่มีรายได้ตั้งแต่ 30,000 บาทขึ้นไป แต่ไม่เกิน 1 แสนบาท/ปี จะได้วงเงินช่วยเหลือเพิ่ม 100 บาท/เดือน

“มาตรการการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เฟส 2 เน้นการพัฒนาตนเอง การจะได้รับความช่วยเหลือ จะต้องปฎิบัติตามเงื่อนไข”นายณัฐพร กล่าว

บล.เออีซี ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะนำ”ซื้อ” HMPRO จากผลดำเนินงานที่ยังมีโมเมนตัมโตต่อเนื่อง บวกกับ ราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside จากมูลค่าพื้นฐานปี 2561 (อิงวิธี DCF) ที่ 14.10 บาท และคาดให้ Div. Yield ปีละราว 2.5% ด้วยความเชื่อมั่นผู้บริโภคทั้งในกทม.และต่างจังหวัด โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวและหัวเมืองใหญ่ที่ปรับตัวดีขึ้น บวกกับ HMPRO จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่อเนื่อง เช่น Hmpro Expo ครั้งที่ 26 (17-26 พ.ย. ซึ่งสร้างยอดขายราว 670 ล้านบาท สูงกว่าช่วง ไตรมารส 4/59ที่ 640 ล้านบาท), Homepro Fair เชียงใหม่ (15-24 ธ.ค.)

อีกทั้งยังได้อานิสงส์จากมาตรการช็อปช่วยชาติ 1.5 หมื่นบาทในช่วงวันที่ 11 พ.ย.-3 ธ.ค. 60 ระยะเวลารวม 23 วัน ยาวกว่าปีก่อนที่มีผล 18 วัน จึงทำให้ช่วง ไตรมารส4/60คาดยอดขายสาขาเดิมยังบวกต่อเป็นไตรมาสที่สองราว 3%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เมื่อบวกกับ การรับรู้ยอดขายสาขาใหม่ของโฮมโปรและเมกาโฮมทั้งในไทยและมาเลเซียที่เพิ่มขึ้น โดยช่วง ไตรมารส4/60เปิดโฮมโปรที่มาเลเซียอีกแห่งที่ Johor Bahru จึงคาดยอดขายรวมและรายได้อื่นๆ จะโต 7.1%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 6.7%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ

ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นคาดเพิ่มขึ้นจาก 26.2% ในช่วงไตรมาส 4/59เป็น 26.5% และ SG&A/Sales คาดลดลงจาก 23.1% ในช่วงไตรมาส 4/59เป็น 22.9% จากผลประหยัดต่อขนาดหลังมีสาขาเพิ่มขึ้นทั้งเมกาโฮมในไทยและโฮมโปรที่มาเลเซีย จึงทำให้ช่วงไตรมาส 4/60คาด HMPRO จะสามารถสร้างสถิติกำไรสุทธิรายไตรมาสสูงสุดที่ 1,424 ล้านบาท เติบโต 7.9%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และหนุนทั้งปี 2560 มีกำไรสุทธิ 4,784 ล้านบาท โต 16%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามประมาณการได้

แม้ปี 2561 คาด HMPRO จะยังชะลอแผนขยายสาขาโฮมโปรและเมกาโฮมในไทยเหลือเพียง 1-2 แห่ง จากในอดีตที่ขยายสาขาราว 3-4 แห่ง (ขณะที่คาดยังคงขยายสาขาในมาเลเซียปีละ 3-4 แห่งเพื่อให้เกิดผลประหยัดต่อขนาด) แต่ด้วยกลยุทธ์ปรับปรุงประสิทธิภาพภายในบริษัทและเพิ่มสัดส่วนยอดขาย Direct Sourcing โดยจะยกระดับคุณภาพ Private Brand ให้แตกต่างจาก Natural Brand เพื่อเพิ่มศักยภาพทำกำไร รวมทั้งพัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่ๆ เช่น เปิดสาขารูปแบบ HMPRO S ซึ่งเน้นจำหน่ายสินค้าซ่อมแซมและสินค้าใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อตอบสนองต่อลูกค้าที่อยู่อาศัยในพื้นที่หนาแน่น บวกกับ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคและกำลังซื้อในไทยยังมีแนวโน้มที่ดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ จึงทำให้คาดปี 2561 HMPRO จะมีกำไรสุทธิ 5,308 ล้านบาท ยังคงเติบโต 11.0%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน

บล.ไอร่า ระบุว่า  GLOBAL กางแผนปี 2561 ขยายสาขาในไทย 10 สาขา และสาขากัมพูชา ประเดิมเปิดสาขาแรกไตรมาส 2/2561 งบลงทุน 280-300 ล้านบาท มั่นใจดันรายได้ปี 2561 โต 10% วางเป้าปี 2565 มีสาขากัมพูชาไม่ต่ำกว่า 10 สาขา และในไทยรวมทั้งสิ้น 100 สาขา ข้อมูล Consensus (www.settrade.com) : ราคาเป้าหมายเฉลี่ย 21.00 บาท

Back to top button