7 แบงก์มีหนาว! จ่อโดนฟ้อง-ถูกปรับอื้อ หลังปล่อยคนร้ายสวมรอยเปิดบัญชีใหม่
7 แบงก์มีหนาว! จ่อโดนฟ้อง-ถูกปรับอื้อ หลังปล่อยคนร้ายหลังปล่อยคนร้ายสวมรอยเปิดบัญชีใหม่ ส่งผลให้เหยื่อชื่อเสียงเสียหาย
สืบเนื่องจากกรณีกระแสข่าวดังในโซเชี่ยลเกี่ยวกับน.ส.ณิชา เกียรติธนะไพบูลย์ อายุ 24 ปี ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต่างชาติล้วงกระเป๋าสตางค์และนำบัตรประชาชนไปเปิดบัญชีธนาคาร 7 ธนาคาร รวม 9 บัญชี ประกอบด้วย ธนาคารกสิกรไทย 1 บัญชี ธนาคารกรุงไทย 2 บัญชี ธนาคารทหารไทย 1 บัญชี ธนาคารออมสิน 1 บัญชี ธนาคารกรุงเทพ 1 บัญชี ธนาคารธนชาต 2 บัญชี และธนาคารไทยพาณิชย์ 1 บัญชี
โดยแต่ละบัญชีมีการโอนย้ายเงินหลายแสนบาท และถูกออกหมายจับนำตัวเข้าฝากขังยังเรือนจำจังหวัดตากเป็นเวลา 3 วัน ก่อนได้รับการประกันตัวชั่วคราวในวงเงินประกัน 80,000 บาท เพื่อต่อสู้คดีในชั้นสอบสวน
ทั้งนี้ผู้เสียหายเตรียมดำเนินคดีฟ้องร้องเอาผิดกับ 7 ธนาคาร หลังปล่อยให้คนร้ายเปิดบัญชีได้ เนื่องจากเหตุการณ์ดังกล่าวนำมาซึ่งความเสื่อมเสียชื่อเสียงของตนเองและครอบครัวรวมถึงหน้าที่การงานด้วย
ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวจากกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า ในส่วนของกระทรวงยุติธรรมไม่สามารถเข้าไปดำเนินการช่วยเหลือได้ เพราะผู้เสียหายไม่ได้เข้าร้องขอความเป็นธรรมเพื่อรับความช่วยเหลือทางกฎหมายจากกระทรวงยุติธรรม
อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ต้องเข้าไปตรวจสอบสถาบันการเงินทั้ง 7 แห่ง ที่อนุญาตให้นำบัตรประชาชนของผู้อื่นไปเปิดบัญชีถึง 9 บัญชี เพราะเป็นหน้าที่ในการกำกับดูแลโดยตรงของปปง. ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายฟอกเงิน ที่สถาบันการเงินต้องตรวจสอบลูกค้าก่อนอนุญาตให้เปิดบัญชี
โดยกำหนดวิธีการแสดงตนของลูกค้าไว้อย่างละเอียด เพื่อป้องกันการนำบัตรประชาชนของบุคคลอื่นมาใช้เปิดบัญชี เช่น ลูกค้าที่เปิดบัญชีต้องให้ชื่อนามสกุลจริง วันเดือนปีเกิด เลขประจำตัวบัตรประชาชน ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน อาชีพ สถานที่ทำงาน หมายเลขโทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้และอีเมล์
สำหรับบทกำหนดโทษจากการไม่ตรวจสอบเพื่อหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้ามีโทษปรับบัญชีละ 1 ล้านบาท และปรับอีกไม่เกินวันละ 10,000 บาท จนกว่าจะแก้ไขให้แล้วเสร็จ
ด้าน นายลือชัย ชัยปริญญา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานเครือข่ายธุรกิจขนาดเล็กและรายย่อย ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB เปิดเผยว่า ขณะนี้ธนาคารได้กำชับให้พนักงานทุกคนทุกสาขาเพิ่มความระมัดระวังในการเปิดบัญชี โดยให้เพิ่มความรอบคอบและการสังเกตตัวตนของลูกค้าอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาดังกล่าว และขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“ธนาคารกรุงไทยขอให้ลูกค้าและประชาชนเชื่อมั่นในระบบของธนาคาร โดยเฉพาะการเปิดบัญชีนั้น ธนาคารมีคู่มือการปฏิบัติที่ชัดเจน และมีขั้นตอนในการพิสูจน์ตัวตนของลูกค้าอย่างละเอียด”นายลือชัย กล่าว