4 โบรกฯ ยังเชียร์ “ซื้อ” AAV ย้ำผลงาน Q4 พีคสุดของปี-รุกขายสินค้าดิวตี้ฟรีออนไลน์

4 โบรกฯ ยังเชียร์ "ซื้อ" AAV ย้ำผลงาน Q4 พีคสุดของปี ขานรับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฟื้นตัวต่อเนื่อง หลังยอดนักท่องเที่ยงโต-มาตรการรัฐหนุน และขยายเส้นทางบินใหม่ ชี้ยังเป็นพันมิตรกับ “คิง เพาเวอร์” แม้ผู้บริหาร AAV ซื้อหุ้นคืนจากกลุ่ม "ศรีวัฒนประภา" สัดส่วน 36.3% พร้อมวางแผนร่วมมือกันรุกขายสินค้าดิวตี้ฟรีออนไลน์ หวังเพิ่มรายได้สูงขึ้น


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้สำรวจข้อมูลและบทวิเคราะห์ บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV หลังราคาหุ้นปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ราคาอยู่ที่ระดับ 6.40 บาท เมื่อวันที่ 20 พ.ย.60 กระทั่งปิดตลาดวานนี้ (11 ม.ค.) อยู่ที่ 5.85 บาท ลบ 0.05 บาท หรือ 0.85% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 76.47 ล้านบาท

โดยพบว่า นักวิเคราะห์สถาบันต่างๆ ยังคงแนะนำ “ซื้อ” หุ้น AAV แม้ราคาหุ้นอาจได้รับแรงกดดันจากประเด็นนายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย ซื้อหุ้น AAV คืนจากกลุ่มตระกูล “ศรีวัฒนประภา” ผู้บริหาร “คิง เพาเวอร์” คิดเป็นสัดส่วน 36.3% ในราคา 4.70 บาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ค่อนข้างต่ำ แต่ในภาพรวมของการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นรายใหญ่ดังกล่าวยังมีมุมมองเชิงบวกอยู่ คือ ส่งผลให้ทิศทางการบริหารงานและกลยุทธ์การทำธุรกิจมีความเห็นความชัดเจนมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม “คิง เพาเวอร์” และ AAV ยังคงเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกันและมีแผนจะเพิ่มช่องทางขยายสินค้าดิวตี้ฟรี ในรูปแบบออนไลน์ร่วมกัน ซึ่งเป็นตลาดที่มีมูลค่ามหาศาลและมีการเติบโตสูงช่วยเพิ่มให้รายได้ของ AAV ปรับตัวขึ้นได้

ส่วนภาพรวมผลประกอบการยังคงมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ตามอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฟื้นตัว จากยอดตัวเลยนักท่องเที่ยวที่ปรับตัวขึ้นและแผนกระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองรอง รวมถึงการขยายกองบินและเปิดเส้นทางบินใหม่เพิ่มเติม

โดย นักวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” AAV ให้ราคาเป้าหมาย 7.30 บาทต่อหุ้น โดยมองว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/60 คาดเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี โตโดดเด่นทั้งเทียบจากไตรมาสก่อนและเทียบจากปีก่อน แม้ก่อนหน้านี้ตลาดจะกังวลกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะชะลอตัวในช่วงงานพระราชพิธี แต่ตัวเลขผู้โดยสารในเดือนต.ค.กลับโตแข็งแกร่งเป็น Positive Surprise

โดยสถิติจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาไทยในต.ค.-พ.ย. 60 โตสูงถึง 22% เทียบจากปีก่อน และนักท่องเที่ยวจีนฟื้นกลับมาโตโดดเด่น 76% เทียบจากปีก่อน หลังได้รับผลกระทบของทัวร์ศูนย์เหรียญในปีก่อน จึงมองว่ากำไรจะเร่งตัวขึ้นต่อเนื่องถึงไตรมาส 1/61 จากการเข้าสู่ช่วง High Season

ทั้งนี้ ยังคงคาดกำไรสุทธิปี 60 ที่ 1,577 ล้านบาท หดตัว 16% เทียบจากปีก่อน ก่อนจะกลับมาเติบโตอีกครั้ง 12% เทียบจากปีก่อน เป็น 1,760 บาทในปี 61 โดยมีแรงหนุนจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่โตต่อเนื่อง และมาตรการภาษีกระตุ้นการท่องเที่ยว 55 จังหวัดเมืองรองของภาครัฐ ซึ่งมีผลตั้งแต่ 1 ม.ค.-31 ธ.ค. 61 โดย AAV เป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์โดยตรงจากการมีเส้นทางบินอยู่ถึง 14 จังหวัด

ส่วนกรณี นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ซื้อหุ้น AAV คืนจากกลุ่มศรีวัฒนประภา 1,761.6 ล้านหุ้น หรือ 36.3% ของจำนวนหุ้นจดทะเบียนทั้งหมด ในราคาหุ้นละ 4.70 บาท ทำให้ภายหลังนายธรรศพลฐ์จะถือหุ้นเพิ่มจากเดิม 5% เป็น 41.3% ใกล้เคียงสัดส่วนเดิมก่อนจะขายให้กลุ่มศรีวัฒนประภา ซึ่งปัจจุบันลดสัดส่วนการถือหุ้นจาก 39.8% เหลือ 3.5%

โดย บล.ฟินันเซีย ไซรัส มีมุมมองบวกกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นดังกล่าวในแง่ของการสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน รวมถึงการบริหารงาน และกำหนดทิศทางบริษัทที่มีความคล่องตัว และรวดเร็วมากขึ้น เนื่องจากนายธรรศพลฐ์เป็นผู้ก่อตั้ง และดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารมาโดยตลอด อีกทั้ง ในช่วง 1 ปีครึ่งของการถือหุ้นใหญ่ของกลุ่ม King Power ไม่ช่วยให้เกิด Synergy กับ AAV

นอกจากนี้ภายหลังการประกาศเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้น ผู้บริหารมั่นใจว่าจำนวนผู้โดยสารปี 61 จะทำได้ตามเป้าที่วางไว้ที่ 22.8 ล้านคน โต 15% เทียบจากปีก่อน เหมือนกับในปีที่ผ่านมาซึ่งทำได้ตามเป้ามาโดยตลอด บวกกับมีแผนรับเครื่องบินเพิ่มอีก 7 ลำเป็น 63 ลำ รองรับการเพิ่มความถี่ และเปิดเส้นทางใหม่ทั้งใน Domestic, CLMV และอินเดีย

โดยยังคงรักษาสัดส่วนรายได้จากจีนที่ 30% และผลักดันสัดส่วนของอินเดียเพิ่มจาก 3% เป็น 5% ของรายได้รวม ขณะที่เน้นเที่ยวบินข้ามภาคเพิ่มขึ้น เพื่อสอดคล้องกับนโยบายกระจายการท่องเที่ยวเมืองหลักสู่เมืองรองของภาครัฐ และช่วยลดขีดจำกัดของสนามบินดอนเมืองที่มีปัญหาการจราจรหนาแน่น รวมถึงมุ่งเพิ่มรายได้ในส่วนของบริการเสริมจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้ง AirAsia BIG Loyalty Card และ Online Duty Free

ด้าน นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” AAV ให้ราคาเป้าหมาย 7.30 บาทต่อหุ้น โดยภาพรวมผลประกอบการของ AAV ยังคงมีทิศทางที่ดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้รับปัจจัยบวกจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยที่เติบโตได้ค่อนข้างมาก

โดยทาง AAV ตั้งเป้าหมายการเติบโตของจำนวนผู้โดยสารในปีนี้ไว้ที่ 15% สอดคล้องกับการเติบโตของจำนวนที่นั่งที่ 15% ซึ่งจะเพิ่มมาจากแผนการซื้อเครื่องบินเพิ่มอีก 7 ลำ ประกอบกับการแข่งขันในสายการบินต้นทุนต่ำลดลงแล้ว

อย่างไรก็ตามการขายหุ้น AAV ของนายวิชัย ศรีวัฒนประภา ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ และครอบครัว คืนให้กับนายธรรศพลฐ์ ในราคา 4.70 บาทต่อหุ้น นับเป็นราคาที่ค่อนข้างต่ำนั้น ยังถือว่าเป็นแรงกดดันของราคาหุ้น ซึ่งยังต้องติดตามต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร

ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” AAV ให้ราคาเป้าหมาย 7.28 บาทต่อหุ้น โดยยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อสถานะที่แข็งแกร่งของบริษัทในตลาดการบินในประเทศ ทั้งในแง่ของส่วนแบ่งตลาด และการขยายเส้นทางบินใหม่ และยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2560 ไว้ที่ 1.56 พันล้านบาท ลดลง 16.7% เทียบจากปีก่อน และปี 2561 อยู่ที่ 1.89 พันล้านบาท โต 21.3% เทียบจากปีก่อน

ทั้งนี้ AAV ตั้งเป้าผู้โดยสารในปี 2561 ว่าจะเพิ่มขึ้น 15% เทียบจากปีก่อน เป็น  22.8 ล้านคน ตาม Capacity ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 15% ในปีนี้ นอกจากนี้ บริษัทยังตั้งเป้าที่จะรักษาระดับ Load Factor เอาไว้ที่ 87%โดยเพิ่มอัตรา utilization ของเครื่องบินเป็น 13 ชั่วโมง (จาก 12.3 ชั่วโมงในปี 2560) โดยรวมแล้วยังคงเชื่อว่า AAV จะรักษาตำแหน่งเจ้าตลาด LCCs เอาไว้ได้ เนื่องจากส่วนแบ่งตลาดผู้โดยสารในช่วง 10 เดือนปี 60 สูงถึง 31.1%

นอกจากนี้ สัดส่วนของธุรกิจ LCCs ก็ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็น 46.9% ในงวด 11 เดือนปี 60 จาก 31.9% ในปี 2556 และมีมุมมองบวกต่อศักยภาพการเติบโตของ LCCs ในอีกสองสามปีข้างหน้า ตามสัดส่วนของธุรกิจ LCCs ในประเทศพัฒนาแล้วที่สูงถึงประมาณ 60-65%

ขณะเดียวกันในปี 2561 AAV จะได้อานิสงส์จากนโยบายรัฐบาลที่จะสนับสนุนการท่องเที่ยวใน 55 จังหวัดของประเทศไทยด้วยการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยในปัจจุบัน AAV บินไปยัง 14 จุดหมาย ใน 20 เส้นทางบิน และมีจำนวนเที่ยวบินถึง 289 เที่ยวต่อสัปดาห์ในจังหวัดเหล่านี้

ส่วน นักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” AAV ให้ราคาเป้าหมาย 7.05 บาทต่อหุ้น อิง P/E ที่ 16 เท่า โดยมองว่า AAV เป็นสายการบินที่มีผลประกอบการที่โดดเด่นที่สุดในกลุ่ม

ทั้งนี้จากรายงานตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาในเดือน ต.ค. และ พ.ย. กลับมาฟื้นตัวขึ้น 20.9% และ 28.2% เทียบจากปีก่อน โดยนักท่องเที่ยวจีนกลับมาฟื้นตัวได้อย่างโดดเด่นที่ 69.8% และ 82.9% ตามลำดับ หลังปีก่อนได้รับผลกระทบจากการคุมทัวร์ศูนย์เหรียญ ทำให้นักท่องเที่ยวจีนหดตัวลง ซึ่งนักท่องเที่ยวจีนถือเป็นกลุ่มผู้โดยสารอันดับ 2 ของ AAV ทำให้ Load Factor ใน 2 เดือนของ AAV สูงถึง 88%

นอกจากนี้ยังมีแผนจะเปิดเส้นทางบินใหม่ไปอินเดีย 2-3 เมือง และในอาเซียน รวมถึงการบินระหว่างภาคภายในประเทศมากขึ้น และการใช้ HUB ที่มีอยู่ 6 แห่งในการบินไปยังต่างประเทศ โดยในเดือน ก.พ. มีแผนเปิดเส้นทางบินใหม่ 2 เส้นทาง และยังได้ประโยชน์จากมาตรการภาษีใน 55 จังหวัดรองด้วย

ทั้งนี้ มองว่าในส่วนของรายได้เฉลี่ย/ตั๋ว มีแนวโน้มฟื้นขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ในไตรมาส 4/60 คาดจะเป็นไตรมาสที่ดีสุดของปี 2560 โดยได้ปรับเป้าผู้โดยสารในปี 2560 จากเดิมที่ 19.5 ล้านคน เป็น 19.7 ล้านคน และ Load Factor จาก 83% เป็น 87% และจะเพิ่มรายได้จากบริการเสริมให้มากขึ้น โดยจะมีบริการใหม่ๆ เช่น ดิวตี้ฟรีออนไลน์ ที่จับมือกับคิง เพาเวอร์ คาดว่าจะช่วยหนุนรายได้ของให้เพิ่มขึ้นได้

นอกจากนี้จะได้ประโยชน์จากการขยายฝูงบินของ ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ ที่จะเพิ่มเครื่องบินอีก 4 ลำ เป็น 10 ลำ โดยผู้โดยสารราว 20-30% ของไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ จะมาต่อเครื่องบินของ AAV ในการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ ขณะเดียวกันในด้านต้นทุนคาดว่าจะยังควบคุมได้ดี ยกเว้นต้นทุนน้ำมัน

Back to top button