ดาวโจนส์ปิดปรับขึ้นรับข่าวอีซีบีเพิ่มวงเงินซื้อบอนด์
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (19 พ.ค.) โดยดาวโจนส์ทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่าตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนเม.ย.พุ่งสูงสุดในรอบกว่า 7 ปี นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากข่าวที่ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะเพิ่มวงเงินการซื้อพันธบัตรในช่วงเดือนพ.ค.และมิ.ย.
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดวานนี้ (19 พ.ค.)ที่ 18,312.39 จุด เพิ่มขึ้น 13.51 จุด หรือ +0.07% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,070.03 จุด ลดลง 8.41 จุด หรือ -0.17% ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,127.83 จุด ลดลง 1.37 จุด หรือ -0.06%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 20.2% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 1.135 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2007 และเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นเปอร์เซนต์มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.1991 นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากข่าวที่ว่า ECB จะเพิ่มปริมาณการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในช่วงเดือนพ.ค.และมิ.ย.
นายเบอนัวท์ เกอร์ เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของ ECB เปิดเผยว่า ทาง ECB เตรียมเพิ่มปริมาณการซื้อพันธบัตรในช่วงเดือนพ.ค.และมิ.ย. ก่อนที่จะชะลอการซื้อในเดือนก.ค.และส.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดพันธบัตรมีการซื้อขายที่ซบเซา
ขณะที่นักลงทุนจับตาดูการเจรจาเพื่อผ่าทางตันวิกฤตหนี้สินของกรีซอย่างใกล้ชิด หลังจากนายยานิส วารูฟากิส รมว.คลังกรีซได้แสดงความเชื่อมั่นว่า กรีซจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับประเทศเจ้าหนี้ได้อย่างเร็วที่สุดในสัปดาห์หน้า ด้านนายอเล็กซิส ซิปราส นายกรัฐมนตรีกรีซ เปิดเผยว่า กรีซกำลังใช้ความพยายามขั้นสุดท้ายเพื่อให้บรรลุข้อตกลงในเรื่องการแก้ปัญหาวิกฤตหนี้สินร่วมกับเจ้าหนี้ในช่วงไม่กี่วันนี้
หุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านพุ่งขึ้นขานรับตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านที่สดใสของสหรัฐ โดยหุ้นเคบีโฮมพุ่งขึ้น 2.4% หุ้นไรแลนด์ กรุ๊ป และหุ้นดีอาร์ ฮอร์ตัน ต่างก็ปรับตัวขึ้นอย่างน้อย 1.1% หุ้นแมคโดนัลด์ทะยานขึ้น 2.7% ขณะที่หุ้นรอยัล คาริบเบียน ปรับขึ้น 1.8%
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามราคาน้ำมันดิบ โดยหุ้นเชฟรอน ร่วงลง 1.5% หุ้นไดมอนด์ ออฟชอร์ ดริลลิง และหุ้นทรานส์โอเชียน ต่างก็ร่วงลงกว่า 4.9% ขณะที่หุ้นวอล-มาร์ท ดิ่งลง 4.4% หลังจากยอดขายในสหรัฐชะลอตัวลง อันเนื่องมาจากความผันผวนของค่าเงิน
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะเปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 28-26 เม.ย. ส่วนวันพฤหัสบดี สหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ดัชนีกิจกรรมการผลิตทั่วประเทศเดือนเม.ย.จากเฟดชิคาโก, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนพ.ค., ยอดขายบ้านมือสองเดือนเม.ย., ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนเม.ย.จาก Conference Board และผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจเดือนพ.ค.เฟดฟิลาเดลเฟีย สำหรับวันศุกร์ จะมีการเปิดเผย ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย.