TLUXE ตั้งเป้ารายได้ปีนี้แตะ 2.40 พันลบ. เล็ง COD โรงไฟฟ้าพลังงานลมเพิ่ม 1 แห่งก.พ.นี้
TLUXE ตั้งเป้ารายได้ปี 61 แตะ 2.40 พันลบ. หลังธุรกิจอาหารสัตว์โต-รับรู้รายได้พลังงานความร้อนใต้พิภพเต็มปี จ่อ COD โรงไฟฟ้าพลังงานลมเพิ่ม 1 โครงการในเดือนกุมภาพันธ์ 2561 นี้
นายสุวิทย์ วรรณะศิริสุข ผู้อำนวยการสายบัญชีและการเงิน บริษัท ไทยลักซ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TLUXE เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ในปี 2561 ที่ระดับ 2,400 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 33% เมื่อเทียบจากปีก่อนที่มีรายได้ 1,800 ล้านบาท เนื่องจากภาพรวมธุรกิจอาหารสัตว์น้ำกุ้งและปลามีการเติบโตสูงขึ้น และธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพมีการรับรู้รายได้เต็มปี หลังจากเปิดดำเนินการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) 15 โครงการหรือกำลังการผลิตเทียบเท่ากับ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 15 เมกะวัตต์
สำหรับการเติบโตเพิ่มขึ้นของธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำในปีนี้ สืบเนื่องจากการปรับกลยุทธ์เชิงรุกในด้านการทำตลาด ที่เข้าถึงลูกค้ามากขึ้นโดยเน้นการจัดงานสัมมนาเชิงวิชาการให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการในพื้นที่ที่มีการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ กุ้ง และปลาโดยตรง ซึ่งจากการดำเนินการดังกล่าวยังสามารถสร้างความเชื่อมั่นในตัวผลิตภัณฑ์ และแบรนด์สินค้าของบริษัทฯได้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด
“ดังนั้นจึงมั่นใจว่าภาพรวมธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำในปีนี้ มีการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 37% โดยตั้งเป้าการขายอาหารสัตว์น้ำในปี 2561 อยู่ที่ 80,000 ตัน ล่าสุดในไตรมาส 1/2561 ได้เปิดฐานตัวแทนจำหน่ายรายใหญ่ หลายราย ทั้งที่เป็นลูกค้าใหม่ และลูกค้าเก่ากลับมาซื้อใหม่ รวมถึงขยายฐานลูกค้าสู่ประเทศมาเลเซีย เพื่อรองรับคำสั่งซื้อ และยอดการผลิตที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้บริษัทฯ จึงได้มีการเพิ่มไลน์การผลิตที่โรงงานจังหวัดสงขลา เพื่อกระจายสินค้าเพิ่มขึ้นให้ทัน ต่อความต้องการของลูกค้า ทำให้กำลังการผลิตแตะที่ระดับ 80% ของกำลังผลิตรวม ทั้งนี้เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดอาหารสัตว์น้ำในพื้นที่ภาคใต้ ที่มีความต้องการสินค้าเพิ่มสูงขึ้น โดยให้ความสำคัญกับคุณภาพของสินค้าเป็นหลัก
สำหรับทางด้านอาหารสัตว์เลี้ยงในปี 2561 ได้ตั้งเป้าที่ 14,400 ตัน หรือเฉลี่ยเดือนละ 1,200 ตัน เติบโตเพิ่มขึ้น 48% ซึ่งมีผลมาจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านสังคมและครอบครัว รวมถึง Life Style การครองชีวิตโสดในอัตราที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จึงนิยมหันมาเลี้ยงสัตว์เป็นเพื่อนคลายเหงา” นายสุวิทย์ กล่าว
นอกจากนี้ ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ(Geothermal Energy) ว่าปัจจุบันบริษัทฯ ได้ดำเนินการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว15 โครงการ หรือกำลังการผลิตเทียบเท่ากับโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 15 เมกะวัตต์
ขณะที่ในช่วงปลายปีที่ผ่านมาคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติให้อนุมัติการลงทุนเพิ่มอีก 9 โครงการ ส่งผลให้บริษัทฯ มีโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ รวม 24 โครงการในปี 2560โดย 9 โครงการดังกล่าว จะเปิดดำเนินการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD)ในเดือนเมษายนปี 2561 นี้ และได้ตั้งเป้าแผนในปี 2561 จะดำเนินการเปิดอีก 32 โครงการ ส่งผลให้บริษัทฯ มีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ รวมทั้งสิ้น 56 โครงการ หรือกำลังการผลิตเทียบเท่ากับ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 56 เมกะวัตต์
ส่วนด้านพลังงานลมจากมติคณะกรรมการบริษัทฯได้อนุมัติลงทุน จำนวน 7 โครงการ ปัจจุบันได้เปิดดำเนินการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) แล้วจำนวน 6 โครงการ และจะเปิดดำเนินการเพิ่มในเดือนกุมภาพันธ์ 2561 นี้อีก 1 โครงการ โดยมีแผนจะใช้งบลงทุนในธุรกิจพลังงานรวมประมาณ 5,000 ล้านบาท ใน 2 ปีข้างหน้า
“ดังนั้นภาพรวมธุรกิจของบริษัทฯ ในปี 2561 นี้ ถือเป็นปีที่ผลการดำเนินงานเติบโตอย่างโดดเด่น เพราะธุรกิจอาหารสัตว์น้ำกุ้งและปลา ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนรายได้ถึง 90% กลับมาเติบโตคึกคักจากการขยายฐานลูกค้า และตัวแทนจำหน่ายเพิ่มขึ้น บวกกับธุรกิจพลังงานที่มีสัดส่วนรายได้ 10% ต่างทยอยรับรู้รายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง” นายสุวิทย์ กล่าว