สรุปภาวะตลาดต่างประเทศวานนี้

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 25 ม.ค. 61


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (24 ม.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มการเงิน ซึ่งรวมถึงหุ้นโกลด์แมน แซคส์ และอเมริกัน เอ็กซ์เพรส อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq และ S&P500 ปิดตลาดในแดนลบ หลังจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากนายวิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐ ได้กล่าวออกมาส่งสัญญาณว่า สหรัฐอาจใช้มาตรการเพื่อตอบโต้จีนในเรื่องการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งรวมถึงสินค้าในกลุ่มเทคโนโลยี

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,252.12 จุด เพิ่มขึ้น 41.31 จุด หรือ +0.16% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,415.06 จุด ลดลง 45.23 จุด หรือ -0.61% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,837.54 จุด ลดลง 1.59 จุด หรือ -0.06%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (24 ม.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินยูโรและเงินปอนด์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังจากนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ กล่าวว่า การอ่อนค่าของดอลลาร์จะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ทั้งนี้ การแข็งค่าของยูโรส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทข้ามชาติ

ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.5% ปิดที่ 400.79 จุด

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,414.74 จุด ลดลง 144.86 จุด หรือ -1.07% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,495.16 จุด ลดลง 40.10 จุด หรือ -0.72% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,643.43 จุด ลดลง 88.40 จุด หรือ -1.14%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (24 ม.ค.) หลังจากเงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทข้ามชาติ

ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,643.43 จุด ลดลง 88.40 จุด หรือ -1.14%

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นมายืนที่เหนือระดับ 65 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ (24 ม.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 10

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. พุ่งขึ้น 1.14 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 65.61 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 5 ธ.ค. 2557

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 57 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 70.53 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 ธ.ค. 2557

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปีเมื่อคืนนี้ (24 ม.ค.) หลังจากดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2557 ซึ่งการอ่อนค่าของดอลลาร์ส่งผลให้สัญญาทองคำซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐนั้น มีราคาที่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. พุ่งขึ้น 19.6 ดอลลาร์ หรือ 1.47% ปิดที่ 1,356.30 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 57.6 เซนต์ หรือ 3.41% ปิดที่ 17.489 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 8 ดอลลาร์ หรือ 0.79% ปิดที่ 1015.8 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. พุ่งขึ้น 22.10 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 1106.35 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (24 ม.ค.) หลังจากนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ได้กล่าวในการแถลงข่าวในการประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรั่ม (WEF) ที่เมืองดาวอสเมื่อวานนี้ว่า การที่ดอลลาร์อ่อนค่าลงในระยะนี้ เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจของสหรัฐ

ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 109.05 เยน จากระดับ 110.33 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9453 ฟรังก์ จากระดับ 0.9581 ฟรังก์

ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.2404 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2294 ดอลลาร์ เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.4214 ดอลลาร์ จากระดับ 1.4000 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.8079 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ  0.7996 ดอลลาร์สหรัฐ

Back to top button