ดอลล์ไร้ทิศทางขณะเฟดไม่มีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย.
ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นลงแตกต่างกันเมื่อเทียบสกุลเงินหลักอื่นๆ เมื่อคืนนี้ (20 พ.ค.) หลังจากที่มีสัญญาณความวิตกจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มปรับตัวอ่อนแรงต่อเนื่องจากช่วงไตรมาสแรก
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1118 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1153 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นที่ 1.5548 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5497 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 121.16 เยน เทียบกับระดับ 120.71 เยน และลดลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9353 ฟรังก์ จาก 0.9370 ฟรังก์ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7900 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7916 ดอลลาร์
แม้ว่าดอลลาร์ยังคงมีความแข็งแกร่งเมื่อเทียบยูโรและเยน แต่การปรับตัวขาขึ้นได้ถูกสกัดไว้ หลังจากรายงานการประชุมของเฟด ประจำวันที่ 28-29 เม.ย. ซึ่งมีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ แสดงให้เห็นว่าไม่มีแนวโน้มที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย.นี้
เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่มีความวิตกเกี่ยวกับข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐในช่วงไตรมาสแรก ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ระบุว่าเศรษฐกิจจะกลับมาเติบโตปานกลางอีกครั้งภายในปีนี้ และตลาดแรงงานจะปรับตัวดีขึ้น แต่เจ้าหน้าที่หลายรายเชื่อว่าไม่มีแนวโน้มที่ข้อมูลเศรษฐกิจในเดือนมิ.ย.จะเป็นปัจจัยสนับสนุนที่เพียงพอถึงภาวะเศรษฐกิจที่เหมาะสมในการการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างรอดูการแถลงเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ในวันศุกร์นี้ เพื่อที่จะประเมินความชัดเจนมากขึ้นว่าประธานเฟดเชื่อว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้นหลังจากที่ปรับตัวย่ำแย่ในช่วงไตรมาสแรกหรือไม่
ส่วนเงินยูโรยังคงได้รับแรงกดดัน ขณะที่นายนิคอส ฟิลิส ประธานรัฐสภากรีซ กล่าวเมื่อวานนี้ว่า กรีซจะไม่สามารถชำระหนี้แก่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ในวันที่ 5 มิ.ย. หากไม่มีการบรรลุข้อตกลงกับทางเจ้าหนี้ ขณะที่กรีซมีกำหนดชำระหนี้รวม 1.5 พันล้านยูโรต่อ IMF ในเดือนหน้า ขณะที่กรีซกำลังอยู่ในระหว่างการเจรจากับสหภาพยุโรป (EU) และ IMF เพื่อหาทางบรรลุข้อตกลง ก่อนที่จะขาดแคลนสภาพคล่อง