ILINK ร่วงเกือบ 4% นิวโลว์ในรอบกว่า 3 ปี โบรกฯคาดครึ่งแรกปี 61 ขาดทุน เหตุเร่งงานAOT เฟส2
ILINK ร่วงเกือบ 4% นิวโลว์ในรอบกว่า 3 ปี โบรกฯคาดครึ่งแรกปี 61 ขาดทุน เหตุเร่งงาน AOT เฟส 2 โดย ล่าสุด ณ เวลา 11.36 น. ราคาอยู่ที่ 11 บาท ลบ 0.40 บาท หรือ 3.51% สูงสุดที่ 11.40 บาท ต่ำสุดที่ 10.90 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 29.35 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หุ้นบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK ล่าสุด ณ เวลา 11.36 น. ราคาอยู่ที่ 11 บาท ลบ 0.40 บาท หรือ 3.51% สูงสุดที่ 11.40 บาท ต่ำสุดที่ 10.90 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 29.35 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยโดยรวมบวก 0.15%
สำหรับปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงในวันนี้ คาดว่าน่าจะมาจากการที่ผลประกอบการในช่วงครึ่งแรกปี 61 ของ ILINK จะมีผลขาดทุนจากการเร่งงานก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค AOT เฟส 2
โดยราคาหุ้น ILINK ปรับตัวลงต่อเนื่องติดต่อกัน 4 วัน นับตั้งแต่ราคาหุ้นอยู่ที่ 13.30 บาท เมื่อวันที่ 26 ม.ค.61 ขณะเดียวกันราคาหุ้นยังทำจุดต่ำสุดในรอบ 3 ปี 6 เดือน นับตั้งแต่ราคาอยู่ที่ระดับ 10.88 บาท เมื่อวันที่ 15 ก.ค.57
ด้าน บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ (29 ม.ค.) ILINK อยู่ระหว่างปรับประมาณการ เนื่องจากแนวโน้มผลประกอบการมีแนวโน้มต่ำกว่าคาดมากจากไตรมาส 4/60 ที่คาดจะพลิกเป็นขาดทุนและอาจมีค่าใช้จ่ายพิเศษต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีแรก 61 จึงอยู่ระหว่างการปรับประมาณการ เบื้องต้นแนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนในช่วงครึ่งปีแรก 61 จากยังมีความอ่อนแอและความไม่แน่นอนสูง ขณะที่งาน Submarine Cable เกาะสมุยและเกาะเต่ามีความเป็นไปได้ที่จะถูกนำออกมาประมูลทีละงานส่งผลให้เกิดการแข่งขันที่สูงขึ้น
โดยผลประกอบการไตรมาส 4/60 ของ ILINK คาดมีกำไรสุทธิราว 55 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16 จากปีก่อน, ลดลง 18% จากไตรมาสเดียวกันเมื่อปีก่อน โดยคาดรายได้รวมอยูที่ 1,099 ล้านบาท เพิ่มขึ้นสูง 23.8% จากปีก่อน จากรายได้ธุรกิจวิศวกรรมและเทเลคอมที่เพิ่มขึ้น 81.4% และ 49% ตามลำดับ จากการรับรู้งานจาก Backlog ที่เพิ่มขึ้นและงาน USO เฟสแรก
ขณะที่ธุรกิจจัดจำหน่ายคาดรายได้อยู่ที่ 478 ล้านบาท ลดลง 3% จากปีก่อน, ลดลง 11% จากไตรมาสเดียวกันเมื่อปีก่อน ยังอ่อนแอจากการแข่งขันที่สูงขึ้น ด้านอัตรากำไรขั้นต้นคาดลดลงเหลือ 18.7% จากผลของอัตรากำไรที่ลดลงของทุกธุรกิจส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิลดลงเหลือ 5.0% จาก 6.2% ในไตรมาส 3/60
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีมุมมองเชิงบวกต่อธุรกิจหลักจัดจำหน่ายสายสัญญาณที่น่าจะกลับมาเติบโตได้ราว 5% ในปีนี้จากการปรับกลยุทธ์ในการขายและต่อรองกับ Supplier เพื่อให้มีอัตรากำไรดีขึ้นได้ แต่ธุรกิจวิศวกรรมและเทเลคอมยังต้องเผชิญความท้าทายจากอัตรากำไรที่ลดลงจากเดิมและนโยบายจากภาครัฐที่ให้นำสายไฟฟ้าและสายสื่อสารลงดิน ซึ่งจะกระทบ ITEL ที่อาจเกิดค่าใช้จ่ายพิเศษในการนำสายเคเบิ้ลกว่า 170 กม. ลงสู่ท่อใต้ดินของ TOT และเสียค่าเช่าเพิ่มเติมกว่า 5-40 ล้านบาทต่อปี อีกทั้งยังเป็นความเสี่ยงต่อเนื่องไปยังสินทรัพย์ของ ITEL ในพื้นที่อื่นๆในอนาคตอีกด้วย
อีกทั้ง อาจคาดขาดทุนในช่วงครึ่งแรกปี 61 จากการเร่งงาน โดยหลักๆ จากการรับรู้ต้นทุนส่วนเพิ่มราว 200-300 ล้านบาท เพื่อเร่งงานก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค AOT เฟส 2 (มูลค่า 1.9 พันล้านบาท ที่ประมูลมาได้เมื่อ มิ.ย.16) เนื่องจากสามประสิทธิ์ก่อสร้างงานล่าช้าและไม่สามารถดำเนินงานต่อได้ ทำให้ ILINK ซึ่งอยู่ภายใต้ “SG & ILINK Consortium” ต้องหา Sub-contractor รายใหม่แทนสามประสิทธิ์เข้ามาดำเนินงานต่อให้ทันเวลาส่งมอบ อย่างไรก็ดียังมีความไม่แน่นอนของการรับรู้ค่าใช้จ่ายดังกล่าวว่าจะเกิดขึ้นในไตรมาส 4/60 หรือในปี 2561 ทำให้เราอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการ