สรุปภาวะตลาดต่างประเทศวันศุกร์
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 5 ก.พ. 61
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงหนักสุดในรอบกว่า 1 ปีเมื่อวันศุกร์ (2 ก.พ.) โดยได้รับแรงกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค.ที่แข็งแกร่งเกินคาด ขณะเดียวกัน การพุ่งขึ้นของตัวเลขจ้างงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมงซึ่งเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญเนื่องจากเป็นสัญญาณบ่งชี้เงินเฟ้อนั้น ยังกระตุ้นให้เกิดการคาดการณ์ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ในปีนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,520.96 จุด ร่วงลง 665.75 จุด หรือ -2.54% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,240.95 จุด ลดลง 144.92 จุด หรือ -1.96% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,762.13 จุด ลดลง 59.85 จุด หรือ -2.12%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อวันศุกร์ (2 ก.พ.) หลังจากดอยซ์แบงก์ ธนาคารรายใหญ่ของเยอรมนี เปิดเผยตัวเลขขาดทุนติดต่อกันเป็นปีที่ 3 ซึ่งส่งผลให้ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลงด้วย นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐและประเทศยุโรป ยังเป็นอีกปัจจัยที่ฉุดตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 5
ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.4% ปิดที่ 388.07 จุด ซึ่งเป็นการร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2559
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,785.16 จุด ร่วงลง 218.74 จุด หรือ -1.68% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,364.98 จุด ลดลง 89.57 จุด หรือ -1.64% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,443.43 จุด ลดลง 46.96 จุด หรือ -0.63%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เมื่อวันศุกร์ (2 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลต่อการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรทั้งในสหรัฐและอังกฤษ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค.ที่แข็งแกร่งเกินคาด
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,443.43 จุด ลดลง 46.96 จุด หรือ -0.63%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อวันศุกร์ (2 ก.พ.) หลังจากเบเกอร์ ฮิวจ์รายงานว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 2 ซึ่งบ่งชี้ถึงการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นในสหรัฐ นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 35 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 65.45 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนเม.ย. ร่วงลง 1.07 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 68.58 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อวันศุกร์ (2 ก.พ.) โดยได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค.ที่แข็งแกร่งเกินคาด
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ร่วงลง 10.60 ดอลลาร์ หรือ 0.79% ปิดที่ 1337.30 ดอลลาร์/ออนซ์ และตลอดทั้งสัปดาห์ สัญญาทองคำปรับตัวลงทั้งสิ้น 1.5%
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 44.6 เซนต์ หรือ 2.60% ปิดที่ 16.709 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 8.40 ดอลลาร์ หรือ 0.83% ปิดที่ 999.40 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. พุ่งขึ้น 20.25 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 1,044.95 ดอลลาร์/ออนซ์
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (2 ก.พ.) หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค.ที่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมงซึ่งเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญเนื่องจากเป็นสัญญาณบ่งชี้เงินเฟ้อนั้น ยังทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ในปีนี้
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 110.26 เยน จากระดับ 109.37 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9318 ฟรังก์ จากระดับ 0.9269 ฟรังก์
เงินยูโรอ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.2452 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2516 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.4118 ดอลลาร์ จากระดับ 1.4270 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะระดับ 0.7926 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8040 ดอลลาร์สหรัฐ