9 หุ้นบลูชิพ “เลือดสาด” รูดหนักเกิน 4% โบรกฯชี้ระวังกลุ่มหุ้นลงทุนผ่าน Block Trade
9 หุ้นบลูชิพ "เลือดสาด" รูดหนักเกิน 4% โบรกฯชี้ระวังกลุ่มหุ้นลงทุนผ่าน Block Trade อาทิ BANPU CBG IVL TOP TRUE PTT PTTGC LH ADVANC
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทย ณ เวลา 12.02 น. อยู่ที่ระดับ 1,759.26 จุด ลดลง 51.06 จุด หรือ 2.82% สูงสุดที่ระดับ 1,777.72 จุด ต่ำสุดที่ระดับ 1,759.02 จุด มูลค่าการซื้อขาย 6.16 หมื่นล้านบาท โดย 9 อันดับแรกที่ราคาร่วงเกิน 4% มีดังนี้
บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ตลาดตื่นตระหนก US 10Y Bond Yield พุ่ง แต่เป็นการขึ้นจากเศรษฐกิจที่ขยายตัวแข็งแกร่งมองเป็นโอกาสมากกว่าอุปสรรค โดย SET Index ปรับลดลงตามในช่วงสั้น ควรระวังหุ้นที่นักลงทุนต่างประเทศเพิ่มการถือครองและหุ้นที่วงเงินสะสมใน Blok Trade สูงโดยตัวเลขชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐดีอย่างต่อเนื่อง การจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 2 แสนตำแหน่ง (มากกว่าตลาดคาดไว้ที่ 1.8 แสนตำแหน่ง) ขณะที่การว่างทรงตัวที่ 4.1% ส่วนค่าจ้างปรับเพิ่มขึ้น 2.9% จากปีก่อน
โดยมีมุมมองตัวเลขการจ้างงานและค่าจ้างที่ดีกว่าคาดหมาย ได้ทำให้ตลาดเริ่มให้น้ำหนักเรื่องเงินเฟ้อเพิ่มมากขึ้น ซึ่งผิดไปจาก 10 ปีที่ผ่านมาที่ตลาดพูดแต่เรื่องเงินฝืด เมื่อกระแสเปลี่ยนจึงได้เห็นการตอบรับของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับพุ่งขึ้นด้วยอาการตกใจ (ปรับเพิ่มขึ้นอีก 7 bps เมื่อวันที่ 2 ก.พ. และเป็นการขึ้น 4 สัปดาห์ติดต่อกัน 45 bps) ล่าสุดมาอยู่ที่ 2.856% ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี
ทั้งนี้คาดว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ (US 10Y Bond Yield) มีแนวโน้มจะขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐจะผันผวนรุนแรงจากการขายทำกำไรจนกระทั้งไปถึงช่วงใกล้การประชุม FOMC 20-21 มี.ค.61 ซึ่งจะมีการจัดแถลงหลังการประชุม โดยคุณ เจโรม โพเวล (รับตำแหน่งวันนี้) จะเริ่มผู้แถลงในฐานะเป็นประธาน Fed เป็นครั้งแรก ต้องติดตามว่าจะมีการเปลี่ยนท่าทีไปจากยุคของคุณ เยลเลน หรือไม่ นอกจากนั้นจะมีการเปิดเผยคาดการณ์ดอกเบี้ยของคณะกรรมการ Fed จะเป็นตัวชี้ขาดว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยมากกว่า 3 ครั้งในปีนี้หรือไม่
โดยดอกเบี้ยและเงินเฟ้อขาขึ้นในรอบนี้เกิดขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังขยายตัว ทำให้ความผันผวนในตลาดทุนจะเป็นเพียงแค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆ เมื่อตลาดเกิดการขายทำกำไรไปได้ซักพักและปรับตัวได้ สุดท้ายกระแสเงินจะเข้าหาตลาดหุ้นและทำดัชนี New High อีกครั้ง
สำหรับนักลงทุนต่างประเทศมีโอกาสขายในตราสารหนี้อย่างต่อเนื่อง : อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของไทยอยู่ต่ำกว่าของสหรัฐผิดปกติรุนแรง (TH 10Y – US 10Y Bond Yield) ล่าสุดอยู่ที่ -0.48% ต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี ขณะที่ US 10Y Bond Yield ยังมีแนวโน้มที่จะขึ้นไม่หยุด ทำให้ตลาดเริ่มมองกันแล้วว่า TH 10Y Bond Yield จะต้องขึ้นตามในไม่ช้า โดยจะเห็นนักลงทุนต่างประเทศเริ่มขายในตราสารหนี้กันแล้ว 6 วันที่ผ่านมาขายสุทธิไป 1.9 หมื่นล้านบาท
โดยมองกระแสการขายในตราสารหนี้ยังมีอีกมาก เนื่องจาก 2 ปีที่ผ่านมาต่างชาตินำเงินมาพักในตราสารหนี้ (ยุคดอกเบี้ยขาลง) ไว้มากถึง 7.5 แสนล้านบาท หากทำการขายอย่างจริงจังคาดว่าจะมีผลทำให้ค่าเงินบาทพลิกกลับไปอ่อนค่าจนทดสอบ 32 บาทต่อดอลลาร์ในช่วงระยะเวลาอันสั้น
สำหรับความผันผวนในตลาดตราสารหนี้ จะลามมากระทบต่อ Sentiment การลงทุนใน SET ในช่วงต้น แต่มองว่าจะเป็นแค่ระยะสั้นๆเท่านั้น ด้วยแนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศที่กำลังฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง กำไรบริษัทจดทะเบียนยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้อาจมีเม็ดเงินบางส่วนจากตราสารหนี้ย้ายมาพักยังตลาดทุน โดยมุ่งเน้นไปยังกลุ่มที่จะตอบสนองต่อสภาวะเงินเฟ้อและการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งก็คือกลุ่มธนาคารพาณิชย์ นิคมอุตสาหกรรม และค้าปลีก
ทั้งนี้ระยะสั้นระวังกลุ่มหุ้นที่ต่างชาติมีสถานะการถือครองปรับเพิ่มขึ้นในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา และระวังหุ้นที่ลงทุนผ่าน Block Trade สูง : Sentiment เชิงลบจากตลาดหุ้นสหรัฐและภูมิภาค คาดว่าจะทำให้ตลาดหุ้นไทยในวันนี้ตกใจและปรับลดลงตาม ประเมินแนวรับวันนี้จะอยู่ที่ 1,805 จุด
โดยหุ้นที่มีโอกาสปรับฐานหนัก KS Research ประเมินไว้จะประกอบไปด้วยกลุ่มหุ้นที่นักลงทุนต่างประเทศมีการเพิ่มการถือครองอย่างผิดปกติในช่วงที่ผ่านมา (%Foreign Ownership) อย่างกลุ่มพลังงาน สาธารณูปโภค และปิโตรเคมี เช่น BANPU ESSO TU PTTEP GULF GPSC BGRIM และกลุ่มหุ้นที่มี่ปริมาณของวงเงินใน Block Trade สูงหรือมีการปรับเพิ่มขึ้นสูงใน 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาเช่น BANPU CBG IVL TOP TRUE PTT PTTGC LH ADVANC ทั้งนี้ คาดว่ากลุ่มหุ้นเหล่านี้จะมีความผันผวนสูงมาก ควรเพิ่มความระมัดระวังการลงทุนไว้เป็นอย่างสูง