สรุปภาวะตลาดต่างประเทศวานนี้

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 14 ก.พ. 61


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (13 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร และผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ ซึ่งรวมถึง บริษัทอันเดอร์ อาร์เมอร์ ผู้ผลิตเครื่องกีฬาชั้นนำ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนม.ค.ของสหรัฐในวันนี้อย่างใกล้ชิด โดยตัวเลขดังกล่าวจะบ่งชี้ถึงสถานการณ์เงินเฟ้อในสหรัฐ และทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในปีนี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,640.45 จุด เพิ่มขึ้น 39.18 จุด หรือ +0.16% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,662.94 จุด เพิ่มขึ้น 6.94 จุด หรือ +0.26% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,013.51 จุด เพิ่มขึ้น 31.55 จุด หรือ +0.45%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (13 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับความผันผวนของตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงตลาดหุ้นสหรัฐ อย่างไรก็ตาม การพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ ได้ช่วยสกัดแรงลบในตลาดยุโรปในระหว่างวัน

ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.6% ปิดที่ 370.58 จุด

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,196.50 จุด ลดลง 86.27 จุด หรือ -0.70% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,168.01 จุด ลดลง 9.05 จุด หรือ -0.13% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,109.24 จุด ลดลง 30.82 จุด หรือ -0.60%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (13 ก.พ.) หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) รายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อ เคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 6 ปีในเดือนม.ค. ซึ่งส่งผลให้เกิดความกังวลว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ได้ช่วยสกัดแรงลบในตลาด

ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,168.01 จุด ลดลง 9.05 จุด หรือ -0.13%

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (13 ก.พ.) เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องนั้น ยังคงสร้างแรงดึงดูดใจต่อสัญญาทองคำ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อในสัปดาห์นี้ เพื่อจับทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 4 ดอลลาร์ หรือ 0.3% ปิดที่ 1,330.40 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 4.2 เซนต์  หรือ 0.3% ปิดที่ 16.52 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 2.9 ดอลลาร์ หรือ 0.3% ปิดที่  975.70 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 4.55 ดอลลาร์ หรือ 0.5% ปิดที่ 980.75 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (13 ก.พ.) หลังจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดการณ์ว่า อุปทานน้ำมันทั่วโลกจะอยู่ในระดับสูงกว่าอุปสงค์ในปีนี้ พร้อมระบุว่า การผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของสหรัฐ จะทำให้กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) เปลี่ยนแปลงนโยบายการผลิตน้ำมันครั้งใหญ่ในไม่ช้า

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 10 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 59.19 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 13 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 62.72 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (13 ก.พ.) หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกมาย้ำว่า เฟดจะยังคงรักษาจุดยืนของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป พร้อมประกาศว่า เฟดจะยังคงจับตาความเสี่ยงที่อาจจะกระทบต่อเสถียรภาพของตลาดการเงิน

ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 107.68 เยน จากระดับ 108.68 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9342 ฟรังก์ จากระดับ 0.9389 ฟรังก์

ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.2363 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2285 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3886 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3830 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.7859 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7845 ดอลลาร์

Back to top button