สรุปภาวะตลาดต่างประเทศวานนี้

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 15 ก.พ. 61


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (14 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองเป็นบวกต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนและแนวโน้มเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งมุมมองดังกล่าวช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 4 หลังจากที่ดัชนีร่วงลงในช่วงแรก จากความวิตกกังวลที่ว่าตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่พุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนม.ค. อาจเป็นปัจจัยผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ในปีนี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,893.49 จุด พุ่งขึ้น 253.04 จุด หรือ +1.03% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,698.63 จุด เพิ่มขึ้น 35.69 จุด หรือ +1.34% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,143.62 จุด เพิ่มขึ้น 130.10 จุด หรือ +1.86%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 ก.พ.) หลังจากสำนักงานสถิติเยอรมนี (Destatis) รายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเยอรมนียังคงขยายตัวได้ดีในไตรมาส 4/2560 นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนซึมซับตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นมากกว่าการคาดการณ์

ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 1.1% ปิดที่ 374.53 จุด

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,339.16 จุด เพิ่มขึ้น 142.66 จุด หรือ +1.17% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,165.26 จุด เพิ่มขึ้น 56.02 จุด หรือ +1.10% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,213.97 จุด เพิ่มขึ้น 45.96 จุด หรือ +0.64%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 ก.พ.) โดยดัชนี FTSE 100 ดีดตัวขึ้นในช่วงท้ายตลาด เนื่องจากนักลงทุนซึมซับข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐ หลังจากที่ดัชนีปรับตัวลงในช่วงแรก อันเนื่องมากจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับตัวเลขเงินเฟ้อดังกล่าว

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,213.97 จุด เพิ่มขึ้น 45.96 จุด หรือ +0.64%

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (14 ก.พ.) หลังจากสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานในตลาดโลก

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. พุ่งขึ้น 1.41 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 60.60 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 1.64 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 64.36 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นเมื่อคืนนี้ (14 ก.พ.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ผันผวน ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยทางการสหรัฐระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนม.ค. แต่ยอดค้าปลีกเดือนม.ค.ร่วงลงหนักสุดในรอบเกือบ 1 ปี นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้แรงหนุนจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 27.6 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 1,358.00 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 35 เซนต์ หรือ 2.1% ปิดที่ 16.878 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 23.40 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 999.10 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. พุ่งขึ้น 16.60 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 997.30 ดอลลาร์/ออนซ์

 

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (14 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนซึมซับตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่พุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนม.ค. โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนม.ค. ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 107.04 เยน จากระดับ 107.68 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9303 ฟรังก์ จากระดับ 0.9342 ฟรังก์

ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.2444 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2363 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3995 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3886 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.7918 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7859 ดอลลาร์สหรัฐ

Back to top button