สรุปภาวะตลาดต่างประเทศวานนี้

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 16 ก.พ. 61


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กทำสถิติปิดพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 5 เมื่อคืนนี้ (15 ก.พ.) หลังจากมีรายงานว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนม.ค.ของสหรัฐซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญนั้น ปรับตัวขึ้นสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากแรงซื้อที่ส่งเข้าหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,200.37 จุด พุ่งขึ้น 306.88 จุด หรือ +1.23% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,731.20 จุด เพิ่มขึ้น 32.57 จุด หรือ +1.21% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,256.43 จุด เพิ่มขึ้น 112.81 จุด หรือ +1.58%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (15 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นแอร์บัสที่พุ่งขึ้นกว่า 10% หลังจากบริษัทประกาศแผนเพิ่มการผลิตเครื่องบิน เพื่อรองรับความต้องการที่สูงขึ้น นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้ปัจจัยหนุนจากการดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งของหุ้นกลุ่มพลังงานและเหมืองแร่ รวมทั้งรับแรงบวกจากการพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องของตลาดหุ้นสหรัฐ

ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.5% ปิดที่ 376.51 จุด

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,346.17 จุด เพิ่มขึ้น 7.01 จุด หรือ +0.06% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,222.52 จุด เพิ่มขึ้น 57.26 จุด หรือ +1.11% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,234.81 จุด เพิ่มขึ้น 20.84 จุด หรือ +0.29%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (15 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันและราคาโลหะในตลาดโลกดีดตัวขึ้น นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้ปัจจัยบวกจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,234.81 จุด เพิ่มขึ้น 20.84 จุด หรือ +0.29%

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (15 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 5 อย่างไรก็ตาม การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อสัญญาทองคำนั้น ได้ช่วยสกัดแรงลบของตลาดทองคำในระหว่างวัน

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 2.70 ดอลลาร์ หรือ 0.2% ปิดที่ 1,355.30 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 8.2 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 16.796 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 2 ดอลลาร์ หรือ 0.2% ปิดที่ 1,001.10 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 9.35 ดอลลาร์ หรือ 0.9% ปิดที่ 1,006.65 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (15 ก.พ.) เนื่องจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ช่วยให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐนั้น มีมูลค่าที่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ยังได้แรงหนุนจากสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 74 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 61.34 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนเม.ย. ขยับลง 3 เซนต์ ปิดที่ 64.33 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (15 ก.พ.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลล่าสุดบ่งชี้ถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ ซึ่งรวมถึงดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) ที่ปรับตัวลงในเดือนก.พ. นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่พุ่งขึ้นจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ

ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 106.26 เยน จากระดับ 107.04 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9226 ฟรังก์ จากระดับ 0.9303 ฟรังก์

ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.2507 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2444 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.4098 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3995 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.7938 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7918 ดอลลาร์สหรัฐ

Back to top button