EGCO จ่อบุ๊ครายได้ขายหุ้น EASTW เกลี้ยงพอร์ต โกยกำไร 3 พันล้าน!
EGCO ลุ้นฟาดกำไรกว่า 3 พันล้านบาท หลังเซ็นขายหุ้น EASTW ที่ถือทั้งหมด 18.72% ให้ "มะนิลา วอเตอร์" คาดขายหุ้นแล้วเสร็จไตรมาส 1/61 หวังนำเงินไปลงทุนขยายธุรกิจในอนาคต
นายจักษ์กริช พิบูลย์ไพโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO เปิดเผยว่า บริษัทได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นกับบริษัท มะนิลา วอเตอร์ จำกัด ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2561 เพื่อขายหุ้นที่บริษัทถืออยู่ทั้งหมด 18.72% ในบริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EASTW
สำหรับรายได้จากการขายหุ้นครั้งนี้ EGCO จะนำไปลงทุนขยายธุรกิจในอนาคต และคาดว่าการโอนหุ้นจะแล้วเสร็จในไตรมาส 1/2561 ทั้งนี้ การขายหุ้นดังกล่าวได้รับการอนุมัติในหลักการเบื้องต้นจากคณะกรรมการบริษัทในการประชุมครั้งที่ 8/2560 เมื่อวันที่ 21 ก.ค. 2560
ด้านนางวิราวรรรณ ธารานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่และเลขานุการบริษัท EASTW เปิดเผยว่า บริษัทได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นกับบริษัท มะนิลา วอเตอร์ จำกัด เพื่อขายหุ้นที่ EGCO ถือทั้งหมดใน EASTW จำนวน 18.72% และคาดว่าการโอนหุ้นจะแล้วเสร็จในไตรมาส 1/61
โครงสร้างผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับ 1-5 ของ EASTW จากข้อมูลภาพรวมข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 15/09/2560
ลำดับ | ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ | จำนวนหุ้น (หุ้น) | % หุ้น |
---|---|---|---|
1. | การประปาส่วนภูมิภาค | 668,800,000 | 40.20 |
2. | บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) | 311,443,190 | 18.72 |
3. | การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย | 76,000,000 | 4.57 |
4. | NORBAX, INC. | 50,868,700 | 3.06 |
5. | บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด | 36,655,569 | 2.20 |
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าว “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ได้คำนวณกำไรจาการขายหุ้น EASTW ของ EGCO ในเบื้องต้นพบว่า EGCO ขายหุ้น EASTW จำนวน 311.43 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 18.72% ซึ่งคาดว่ามีราคาต้นทุนประมาณ 2 บาทต่อหุ้น ก็เท่ากับ EGCO มีต้นทุนเฉลี่ยรวมประมาณ 622.88 ล้านบาท
ทั้งนี้ หากคิดที่ราคาขายเฉลี่ยประมาณ 12 บาทต่อหุ้น (ราคาหุ้น EASTW ย้อนหลัง 15 วัน) จะส่งผลให้ EGCO ขายหุ้นได้เท่ากับ 3,737.28 ล้านบาท ดังนั้นจะเท่ากับว่า EGCO มีกำไรประมาณ 3,114.40 ล้านบาท
ขณะที่ราคาหุ้น EASTW เมื่อวานนี้ (19 ก.พ.) ปิดตลาดที่ 12.50 บาท ลดลง 1.30 บาท หรือปรับลดลง 9.42% มูลค่าการซื้อขาย 389.55 ล้านบาท ส่วนวันที่ 16 ก.พ. 2561 ปิดตลาดที่ 13.80 บาท เพิ่มขึ้น 1.80% หรือปรับเพิ่มขึ้น 15% มูลค่าการซื้อขาย 639.85 ล้านบาท
ส่วนราคาหุ้น EGCO เมื่อวานนี้ ปิดตลาดที่ 239 บาท ลดลง 2 บาท หรือปรับลดลง 0.83% มูลค่าการซื้อขาย 645.89 ล้านบาท และเมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2561 ปิดตลาดที่ 241 บาท เพิ่มขึ้น 12 บาท หรือปรับเพิ่มขึ้น 5.24% มูลค่าการซื้อขาย 935.82 ล้านบาท
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า ได้ปรับประมาณการกำไรสุทธิ EGCO ปี 2560 ขึ้น 28.40% เป็น 11,770 ล้านบาท สะท้อนกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน (FX) 9 เดือนสูงถึง 2,577 ล้านบาท แต่คงประมาณการกำไรจากการดำเนินงานปี 2560 ไว้ที่ 9,170 ล้านบาท และในปี 2561 ไว้ที่ 10,430 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.70% จากปีก่อน จึงแนะนำ “ซื้อ” เปลี่ยนไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2561 เท่ากับ 246 บาท จากเดิมที่ 232 บาท
โดยจากโอกาสก่อสร้างโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ในประเทศจำกัด การขยายไปในต่างประเทศมีความสำคัญเพิ่มขึ้น กลุ่มประเทศที่ EGCO ให้ความสำคัญ ได้แก่ กลุ่มอาเซียน อินเดีย ศรีลังกา บังกลาเทศ และออสเตรเลีย การมีโรงไฟฟ้าตั้งอยู่ใน 5 ประเทศ ทำให้มีโอกาสมากกว่าเมื่อเทียบกับคู่แข่ง
ส่วนโอกาสลงทุนในประเทศคาดเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนขนาดเล็ก ซึ่งที่ผ่านมา EGCO ถือเป็นบริษัทแรกๆ ที่ให้ความสำคัญ ปัจจุบันมีสัดส่วน 19.30% ทั้งพลังงานน้ำ ลม ความร้อนใต้พิภพ แสงอาทิตย์ ชีวมวล ขยะ และแบตเตอรี่ ตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนเป็น 30% ภายในปี 2569 สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ