สรุปภาวะตลาดต่างประเทศวานนี้

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 2 มี.ค. 61


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 400 จุดเมื่อคืนนี้ (1 มี.ค.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ประกาศว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมในสัปดาห์หน้า ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลว่า นโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐอาจก่อให้เกิดสงครามการค้า และจะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคและบริษัทของสหรัฐด้วยเช่นกัน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,608.98 จุด ร่วงลง 420.22 จุด หรือ -1.68% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,677.67 จุด ลดลง 36.16 จุด หรือ -1.33% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,180.56 จุด ลดลง 92.45 จุด หรือ -1.27%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (1 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าคาด นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตของสหราชอาณาจักรร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือนในเดือนก.พ.

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,175.64 จุด ลดลง 56.27 จุด หรือ -0.78%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (1 มี.ค.) หลังจากบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่เปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอ ซึ่งรวมถึงบริษัทคาร์ฟูร์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ส่งสัญญาณการเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของหลายประเทศในยุโรปที่ชะลอตัวลง

ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.3% ปิดที่ 374.86 จุด

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,190.94 จุด ลดลง 244.91 จุด หรือ -1.97% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,262.56 จุด ลดลง 57.93 จุด หรือ -1.09% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,175.64 จุด ลดลง 56.27 จุด หรือ -0.78%

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (1 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันที่สูงขึ้นในสหรัฐ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 65 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 60.99 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนเม.ย. ร่วงลง 90 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 63.83 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (1 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ความแข็งแกร่งของข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐบางรายการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) นั้น ยังส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ร่วงลง 12.70 ดอลลาร์ หรือ 0.96% ปิดที่ 1305.20 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 13.1 เซนต์ หรือ 0.80% ปิดที่ 16.276 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ร่วงลง 30.30 ดอลลาร์ หรือ 3.07% ปิดที่ 957.80 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. ดิ่งลง 64.40 ดอลลาร์ หรือ 6.2% ปิดที่ 973.20 ดอลลาร์/ออนซ์

 

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (1 มี.ค.)  หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ประกาศว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมในสัปดาห์หน้า ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลว่า นโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐอาจก่อให้เกิดสงครามการค้า

ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 106.23 เยน จากระดับ 106.72 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ  0.9420 ฟรังก์ จากระดับ 0.9442 ฟรังก์

ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.2254 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2202 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3770 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3769 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะระดับ 0.7760 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7778 ดอลลาร์สหรัฐ

Back to top button