TLUXE ยันสภาพคล่องแกร่ง-เล็งปรับโครงสร้างใหม่ หลังรุกหนักธุรกิจพลังงานความร้อนใต้พิภพ
TLUXE ยันสภาพคล่องแกร่ง-เล็งปรับโครงสร้างใหม่ หลังรุกหนักธุรกิจพลังงานความร้อนใต้พิภพ มีแผนผุดอีก 32 โครงการภายในปีนี้ ตั้งเป้าขึ้นแท่นผู้นำธุรกิจพลังงานความร้อนใต้พิภพรายใหญ่ที่สุดในเมืองเบปปุ จ.โออิตะ ประเทศญี่ปุ่น
นายสุวิทย์ วรรณะศิริสุข ผู้อำนวยการสายบัญชีและการเงิน บริษัท ไทยลักซ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TLUXE ผู้นำด้านธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำทั้งภายในประเทศ และต่างประเทศ ตลอดจนเป็นผู้นำด้านธุรกิจพลังงานความร้อนใต้พิภพ (Geothermal Energy) ในประเทศญี่ปุ่นรายแรกของประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยังคงได้รับความไว้วางใจจากสถาบันการเงินชั้นนำในการสนับสนุนด้านการลงทุนโครงการต่างๆ ของบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง เพราะโครงการที่ลงทุนนั้น ล้วนแต่เป็นธุรกิจที่สร้างผลการดำเนินงานที่ยั่งยืนให้กับบริษัทฯ ในระยะยาว
โดยในช่วงปี 2560 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากสถาบันการเงินต่างๆ ได้แก่ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) สนับสนุนวงเงินสินเชื่อจำนวน 2,205 ล้านเยน หรือ 640 ล้านบาท เพื่อใช้ในการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ (Geothermal Energy) จำนวน 8 โครงการ และ ธนาคารไทยพาณิชย์ สนับสนุนวงเงินสินเชื่อจำนวน 450 ล้านบาท เพื่อใช้ในการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ (Geothermal Energy) เช่นเดียวกัน
นายสุวิทย์ กล่าวเพิ่มอีกว่า สำหรับผลการดำเนินงานในงวดปี 2560 ที่ปรับตัวลดลงนั้น ส่วนใหญ่เป็นการปรับปรุงตามมาตรฐานการบัญชี โดยใช้การประมาณการเป็นหลัก ซึ่งยังไม่สะท้อนการดำเนินงานที่แท้จริง รวมทั้งการตั้งสำรองค่าเผื่อการด้อยค่าของเครื่องจักร ที่ไม่ได้ใช้งานกว่า 5 ปี
ขณะที่ศักยภาพการทำงาน และมูลค่าของเครื่องจักรไม่ได้ลดลง เพียงแต่ไลน์การผลิตไม่ตรงกับความต้องการของตลาดในปัจจุบัน และบริษัทฯ อยู่ระหว่างการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ (Geothermal Energy) และโครงการพลังงานลมในประเทศญี่ปุ่น ส่งผลให้มีต้นทุนการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น
ผู้อำนวยการสายบัญชีและการเงิน บริษัท ไทยลักซ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TLUXE กล่าวอีกว่า นอกจากนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างศึกษาแผนการปรับโครงสร้างบริษัทฯใหม่ ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ ที่พร้อมมุ่งสร้างอนาคตด้วยธุรกิจใหม่ สู่การเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ซึ่งเป็นไปตามทิศทาง และกลยุทธ์การขยายโอกาสทางธุรกิจ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
พร้อมยังมีแผนการศึกษาช่องทางการเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินด้านการลงทุนในโครงการพลังงานความร้อนใต้พิภพ (Geothermal Energy) และโครงการพลังงานลมในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งคาดว่าจะเป็นลักษณะการออก Infrastructure Fund ในประเทศญี่ปุ่น โดยจะสามารถสรุปได้ในเร็วๆ นี้ และเชื่อว่าจะทำให้บริษัทฯ มีศักยภาพการลงทุนเพิ่มมากขึ้น
สำหรับโอกาสการขยายการลงทุนในญี่ปุ่นนั้น จะดำเนินควบคู่ไปกับแผนลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ ที่บริษัทฯ มีแผนจะดำเนินการเปิดอีก 32 โครงการภายในปีนี้ ส่งผลให้บริษัทฯ มีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพรวมทั้งสิ้น 56 โครงการ ตั้งเป้าขึ้นแท่นเป็นผู้นำธุรกิจพลังงานความร้อนใต้พิภพรายใหญ่ที่สุด ในเมืองเบปปุ จ.โออิตะ ประเทศญี่ปุ่น
ส่วนแผนการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ที่เมือง อาโอโมริ (Aomori) ประเทศญี่ปุ่น เพิ่มอีกจำนวน 20 ยูนิต จากปัจจุบันมีการลงทุนแล้ว 7 ยูนิต ส่งผลให้บริษัทฯ มีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมทั้งสิ้น 27 ยูนิต
ขณะที่ธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำ เพิ่มไลน์การผลิตที่โรงงานจังหวัดสงขลา เพื่อกระจายสินค้าเพิ่มขึ้น ให้ทันต่อความต้องการของลูกค้า ทำให้กำลังการผลิตแตะที่ระดับ 80% ของกำลังผลิตรวม ทั้งนี้เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดอาหารสัตว์น้ำในพื้นที่ภาคใต้ ที่มีความต้องการสินค้าเพิ่มสูงขึ้น โดยให้ความสำคัญกับคุณภาพของสินค้าเป็นหลัก