“ศิริธัช” ส่งตัวแทนแจ้งความคดีอาญา “สุทธิชัย” พร้อมทีมบริหาร NMG

"ศิริธัช โรจนพฤกษ์" ส่งตัวแทนแจ้งความคดีอาญา "สุทธิชัย" พร้อมทีมบริหาร NMG ในข้อหาหรือฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา และตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 89/7


นายศิริธัช โรจนพฤกษ์ กรรมการ บริษัท โพสต์ พับลิชชิง จำกัด (มหาชน) หรือ POST ประธานกรรมการบริหารและผู้ถือหุ้น บริษัท อีเทอเนิล เอนเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ EE และเป็นผู้ถือหุ้นบริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ NMG ส่งตัวแทนเข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลุมพินี เมื่อเวลา 10.00 น.ของวันนี้

โดยให้ดำเนินคดีอาญากับนายสุทธิชัย  แซ่หยุ่น พร้อมพวก ได้แก่ นายพนา  จันทรวิโรจน์ , นายเชวง  จริยะพิสุทธิ์, นายปกรณ์  บริมาสพร, นางสาวดวงกมล โชตะนา, นายเสริมสิน สมะลาภา, นายอดิศักดิ์  ลิมปรุ่งพัฒนกิจ, นางสาวเขมกร วชิรวราการ และนายณิทธิมน หัสดินทร ณ อยุธยา ในข้อหาหรือฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา และตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535  และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 89/7 

“ในการดำเนินกิจการของบริษัท  กรรมการและผู้บริหาร  ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ  ความระมัดระวัง  และความซื่อสัตย์สุจริต  รวมทั้งต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย  วัตถุประสงค์  ข้อบังคับของบริษัท และมติคณะกรรมการ  ตลอดจนมติที่ประชุมผู้ถือหุ้น”  มาตรา 281/2  “กรรมการ หรือผู้บริหารบริษัทผู้ใด ไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ ความระมัดระวัง และความซื่อสัตย์สุจริต ตามมาตรา 89/7 จนเป็นเหตุให้บริษัทได้รับความเสียหายหรือทำให้ตนเอง หรือผู้อื่นได้รับประโยชน์จากการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว  

นายศิริธัช  กล่าวว่า การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาที่ 1-9  ที่ขัดขวางไม่ให้ตัวแทนผู้รับมอบฉันทะของตน รวมถึงผู้ถือหุ้นรายย่อยอื่นๆ  เข้าประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2558  ทำให้ บริษัท NMG  ได้รับความเสียหาย  เสื่อมเสียชื่อเสียงทางธุรกิจ  เนื่องจากนักลงทุนขาดความเชื่อมั่น เพราะไม่มั่นใจว่าสิทธิและผลประโยชน์ของนักลงทุนจะได้รับความคุ้มครองหรือไม่ ทั้งนี้  สิทธิในการเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้น  เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี 

นอกจากนั้น การขัดขวางไม่ให้ผู้ถือหุ้นเข้าประชุม ยังเป็นการกระทำละเมิดต่อผู้ถือหุ้น ทำให้ NMG ถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งจากการที่ไม่ได้ใช้สิทธิในฐานะผู้ถือหุ้นตามกฎหมายได้อีกด้วย

ทั้งนี้ การกระทำครั้งนี้ทำให้ทางฝ่ายนายสุทธิชัย และพวก ได้รับประโยชน์จากการฝ่าฝืน  หรือไม่ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว โดยปรากฏตามภาพข่าวสื่อมวลชนเฉพาะในเครือเนชั่น กรุ๊ป  เสนอข่าวด้านเดียวมาโดยตลอดในทำนองที่ว่านายสุทธิชัย ประกาศเจตนาว่าไม่ยอมให้กลุ่มทุนหรือผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ  เข้ามาร่วมบริหารกิจการของ บริษัท NMG  โดยอ้างว่าเป็นกลุ่มทุนสีเทา ทำให้นายสุทธิชัย สามารถควบคุมอำนาจบริหารได้อย่างเต็มที่

ขณะเดียวกันเป็นการกีดกันไม่ให้ผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ ในการตรวจสอบการทำงานของผู้บริหาร กิจการของ NMG  ที่มีผู้ถือหุ้นหลายราย  ไม่มีโอกาสตรวจสอบการทำงาน  ในทางปฏิบัติกลับเป็นบริษัทของนายสุทธิชัย  หรือผู้บริหารเพียงไม่กี่คน 

และตามหนังสือเชิญประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2558  ในวาระที่ 9  คือ วาระอื่นๆ นั้น ผู้ถือหุ้นมีสิทธิในการคัดเลือกหรือถอดถอนกรรมการโดยมติของที่ประชุมผู้ถือหุ้น  ผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดเกรงว่า กรรมการกลุ่มพวกของตนจะถูกถอดถอนและไม่ได้รับการคัดเลือกให้เข้าดำรงตำแหน่งกรรมการใหม่  การที่หน่วงเหนี่ยวขัดขวางไม่ยอมให้ตัวแทนผู้รับมอบฉันทะของนายศิริธัช  และผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ  เข้าประชุม  เพราะเกรงว่าผู้ถูกกล่าวหาคนใดคนหนึ่งอาจถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง  และไม่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกรรมการใหม่ได้  จึงเป็นการกระทำโดยทุจริต เพื่อแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ สำหรับกลุ่มพวกตัวเองที่จะดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารบริษัทต่อไป  อันเป็นการร่วมกันบริหารแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด  โดยปราศจากผู้ถือหุ้น  ตัวแทนผู้ถือหุ้นในการตรวจสอบการบริหาร

สำหรับนายณิทธิมน  หัสดินทร ณ อยุธยา ผู้ถูกกล่าวหาที่ 9  ที่ทำหนังสือแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนั้น  เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายอย่างชัดแจ้ง  เนื่องจากชี้แจงว่าประธานได้ใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535  (รวมที่แก้ไขเพิ่มเติม)  มาตรา 104 และ 105  และข้อบังคับของบริษัท ข้อ 34 และ 35  ในฐานะประธานในที่ประชุมผู้ถือหุ้น  โดยได้มีคำสั่งไม่อนุญาตให้กลุ่มบุคคลจำนวนหนึ่งเข้าร่วมประชุมในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นฯ  เนื่องจากตามกฎหมายที่อ้างถึงดังกล่าวไม่ปรากฏถ้อยคำที่ระบุให้ประธานในที่ประชุมมีอำนาจในการไม่อนุญาตให้ผู้ถือหุ้นเข้าร่วมประชุมสามัญได้ 

และข้ออ้างที่ว่ามีกลุ่มบุคคลร่วมกันถือหุ้นโดยไม่ปฏิบัติตามกฎหมายในเรื่องหลักเกณฑ์การเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการก็ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงใดๆ เลยว่ามีการกระทำเช่นนั้นจริง อีกทั้งยังไม่มีหน่วยงานหรือมีคำวินิจฉัยของศาลอันเป็นที่สุด ว่า  มีการกระทำอันเป็นการผิดต่อกฎหมาย  ประการที่สำคัญ  นายศิริธัช เป็นผู้ถือหุ้นที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มบุคคลที่นายสุทธิชัย กล่าวอ้าง โดยไม่มีรายชื่อร่วมอยู่ใน 50 รายชื่อตามหนังสือชี้แจงแต่อย่างใด 

ทั้งยังปรากฏด้วยว่านอกจากนายศิริธัช หรือตัวแทนจะถูกห้ามมิให้เข้าร่วมประชุมแล้ว ยังปรากฏข้อเท็จจริงอีกด้วยว่ามีการห้ามผู้ถือหุ้นรายย่อยอื่นๆ  อีกหลายรายเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้น  กรณีจึงเห็นได้ชัดแจ้งว่า  มิใช่เป็นการห้ามผู้ถือหุ้นกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะเจาะจง  แต่ยังเป็นการห้ามผู้ถือหุ้นอื่นๆ อีกหลายคนที่ไม่ใช่พวกพ้องของตนเข้าประชุม  เพราะเกรงว่าจะสูญเสียอำนาจในการบริหาร

แม้นายณิทธิมณ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 9 จะอ้างว่าตนมีคำสั่งห้ามในฐานะประธาน แต่การจัดการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2558 ดังกล่าว  อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกรรมการหรือผู้บริหาร คือ ผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดได้เข้าร่วมประชุมทุกคน โดยผู้ถูกกล่าวหาซึ่งเป็นกรรมการและผู้บริหารแต่ละคนมีหน้าที่ท้วงติงห้ามปราม

โดยเฉพาะนายสุทธิชัย ได้เชิดให้ นายณิทธิมณ ทำหน้าที่ประธาน  โดยผู้ถูกกล่าวหาแต่ละคนมิได้ทักท้วง  หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด  จึงเป็นพฤติการณ์ชี้ให้เห็นว่าผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดร่วมกันกระทำการอันเป็นการผิดต่อกฎหมาย  ถือเป็นการร่วมกันกระทำผิดอาญา  ไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต  และกระทำการโดยทุจริต  จนเป็นเหตุให้บริษัทได้รับความเสียหาย  และทำให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์จากการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวแล้ว  ยังทำให้นายศิริธัช และผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ อีกมากได้รับความเสียหายไปด้วย

Back to top button