สรุปภาวะตลาดต่างประเทศวานนี้
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 7 พ.ค. 61
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (6 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทด้านนโยบายการค้า หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยืนยันว่า เขาจะเดินหน้าแผนการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนของสหรัฐได้ออกมาแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับเรื่องดังกล่าว ซึ่งรวมถึงนายแกรี่ โคห์น หัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว ที่ประกาศว่าจะลาออก หากปธน.ทรัมป์ยังเดินหน้าแผนการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าดังกล่าว
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,884.12 จุด เพิ่มขึ้น 9.36 จุด หรือ +0.04% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,728.12 จุด เพิ่มขึ้น 7.18 จุด หรือ +0.26% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,372.01 จุด เพิ่มขึ้น 41.30 จุด หรือ +0.56%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (6 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี หลังจากเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ประกาศจัดการประชุมสุดยอดผู้นำเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปีในปลายเดือนหน้า นอกจากนี้ นักลงทุนยังคาดหวังว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐอาจจะไม่เดินหน้าแผนการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม หลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐได้ออกมาคัดค้านแผนการดังกล่าว
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.1% ปิดที่ 371.36 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,113.87 จุด เพิ่มขึ้น 23.00 จุด หรือ +0.19% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,146.75 จุด เพิ่มขึ้น 30.77 จุด หรือ +0.43% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,170.23 จุด เพิ่มขึ้น 3.00 จุด หรือ +0.06%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (6 มี.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากสัญญาณที่บ่งชี้ว่าสถานการณ์ตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีเริ่มคลี่คลายลง หลังจากเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ประกาศจัดการประชุมสุดยอดผู้นำเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปีในปลายเดือนหน้า นอกจากนี้ นักลงทุนยังคาดหวังว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐอาจจะไม่เดินหน้าแผนการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม หลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐได้ออกมาคัดค้านแผนการดังกล่าว
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,146.75 จุด เพิ่มขึ้น 30.77 จุด หรือ +0.43%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (6 มี.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการคาดการณ์ที่ว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. ขยับขึ้น 3 เซนต์ หรือเกือบ 0.1% ปิดที่ 62.60 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 25 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 65.79 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (6 มี.ค.) เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้ช่วยกระตุ้นแรงซื้อในตลาดทองคำ นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้าซื้อสัญญาทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมซึ่งริเริ่มโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้กลายมาเป็นข้อพิพาทด้านการเมืองในสหรัฐ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนของสหรัฐได้ออกมาแสดงท่าทีต่อต้านมาตรการดังกล่าว
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 15.3 ดอลลาร์ หรือ 1.16% ปิดที่ 1,335.2 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 37.2 เซนต์ หรือ 2.27% ปิดที่ 16.784 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 8.5 ดอลลาร์ หรือ 0.88% ปิดที่ 970.6 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 80 เซนต์ หรือเกือบ 0.1%ปิดที่ 978.30 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (6 มี.ค.) เนื่องจากความกังวลที่ว่า มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมซึ่งริเริ่มโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์นั้น อาจกลายเป็นข้อพิพาทในแวดวงการเมืองของสหรัฐ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนของสหรัฐได้ออกมาแสดงท่าทีต่อต้านมาตรการดังกล่าว
ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.2405 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2328 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3889 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3833 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.7819 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7762 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์ทรงตัวเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 106.22 เยน และขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9406 ฟรังก์ จากระดับ 0.9404 ฟรังก์