สรุปภาวะตลาดต่างประเทศวานนี้
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 8 มี.ค. 61
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (7 มี.ค.) จากแรงซื้อที่ส่งเข้าหนุนหุ้นบลูชิพ ซึ่งรวมถึงหุ้นโรลส์-รอยซ์ อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนยังคงได้รับแรงกดดันจากข่าวที่ว่า นายแกรี่ โคห์น หัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว ได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งสร้างความวิตกว่าอาจทำให้เกิดสงครามการค้าในไม่ช้า
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,157.84 จุด เพิ่มขึ้น 11.09 จุด หรือ +0.16%
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (7 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าการที่นายแกรี่ โคห์น หัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว ได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งนั้น อาจจุดชนวนให้เกิดสงครามการค้าในไม่ช้า อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ลดช่วงลบก่อนปิดตลาด หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book ซึ่งระบุว่า อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐขยายตัวปานกลาง ซึ่งรายงานดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลจากความเป็นไปได้ที่ว่า เฟดอาจจะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,801.36 จุด ลดลง 82.76 จุด หรือ -0.33% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,726.80 จุด ลดลง 1.32 จุด หรือ -0.05% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,396.65 จุด เพิ่มขึ้น 24.64 จุด หรือ +0.33%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (7 มี.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นบลูชิพ ซึ่งรวมถึงหุ้นโรลส์-รอยซ์ อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลง เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่า การที่นายแกรี่ โคห์น ตัดสินใจลาออกจากหัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว อาจก่อให้เกิดสงครามการค้าในไม่ช้า
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.4% ปิดที่ 372.71 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,245.36 จุด เพิ่มขึ้น 131.49 จุด, +1.09% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,187.83 จุด เพิ่มขึ้น 17.60 จุด, +0.34% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,157.84 จุด เพิ่มขึ้น 11.09 จุด, +0.16%
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินบางสกุล ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (7 มี.ค.) หลังจากออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐในเดือนก.พ.ปรับตัวขึ้นมากกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์ได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลที่ว่า การที่นายแกรี่ โคห์น หัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว ได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งนั้น อาจจุดชนวนให้เกิดสงครามการค้าในไม่ช้า
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9436 ฟรังก์ จากระดับ 0.9406 ฟรังก์ แต่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 106.08 เยน จากระดับ 106.22 เยน
ดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะระดับ 0.7817 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7819 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3894 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3889 ดอลลาร์ ส่วนสกุลเงินยูโรทรงตัวอยู่ที่ระดับ 1.2405 ดอลลาร์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 2% เมื่อคืนนี้ (7 มี.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมกับปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐในปีนี้ นอกจากนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้ายังสร้างแรงกดดันต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาดน้ำมันเช่นกัน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. ร่วงลง 1.45 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 61.15 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค. ร่วงลง 1.45 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 64.34 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (7 มี.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินบางสกุล นอกจากนี้ นักลงทุนยังลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากมีรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนในสหรัฐประจำเดือนก.พ.ปรับตัวขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 7.6 ดอลลาร์ หรือ 0.57% ปิดที่ 1,327.6 ดอลลาร์/ออนซ์