5 หุ้นเด็ดติดโผน่าลงทุน SET เดือนพ.ค.-ก.ค.ทรงตัว สิ้นปีไปไม่เกิน 1,612 จุด

IAA มองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยช่วง 3 เดือนข้างหน้า ส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 54.17 เห็นว่ามีทิศทางทรงตัวถึงปรับตัวลง เชื่อสิ้นปีไปได้แค่ 1,612 จุด


สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA) มองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยช่วง 3 เดือนข้างหน้าพ.ค.-ก.ค. 58 แตกต่างกัน ส่วนใหญ่กว่า ร้อยละ 54.17 เห็นว่ามีทิศทางทรงตัวถึงปรับตัวลง แบ่งเป็น มองว่าตลาดหุ้นมีทิศทางขาลงและแกว่งตัวลงรวมกันร้อยละ 37.5 และทรงตัว-แกว่งตัวร้อยละ 16.67 ขณะที่เหลือร้อยละ 45.84 มองว่ามีแนวโน้มขึ้น ถึง แกว่งตัวขึ้น และอีกร้อยละ 4.17 เห็นว่าจะปรับตัวขึ้นชัดเจน

สำหรับคาดการณ์ดัชนีตลาดหุ้น (SET Index) ในช่วงพ.ค.-ก.ค.58 จะเฉลี่ยอยู่ที่ 1,519 จุด (เที่ยบกับล่าสุดอยู่ที่ 1,523 จุด) และจะปรับขึ้นไปเป็นเฉลี่ย 1,612 จุดในช่วงสิ้นปี 58 ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์ครั้งที่ผ่านมา (ม.ค.58) ซึ่งคาดว่า SET Index สิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 1,670 จุด หรืดลดลง 58 จุด คิดเป็นร้อยละ 3.5 จากคาดการณ์ครั้งก่อนหน้า ขณะที่คาดการณ์จุดสูงสุดของปีนี้อยู่ที่ 1,662 จุด ต่ำกว่าคาดการณ์ครั้งก่อนที่ 1,728 จุด และจุดต่ำสุดของปีนี้อยู่ที่ 1,423 จุด สูงขึ้นเล็กน้อยจากคาดการณ์ครั้งก่อนที่ 1,390 จุด

นอกจากนั้น สิ้นปี 59 คาดว่า SET Index จะอยู่ที่ 1,707 จุด ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ผ่านมาที่ระดับ 1,804 จุด หรือ ลดลง 97 จุด หรือ ลดลงร้อยละ 5.4 จากประมาณการครั้งก่อน

 

iaa20150525

 

นางภรณี ทองเย็น อุปนายก IAA เปิดเผยถึงปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อตลาด ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ ร้อยละ 95.8 เห็นตรงกันว่าเหตุผลสนับสนุนสำคัญที่เป็นปัจจัยบวกมาจากปัจจัยในประเทศ คือ โครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ รองลงมา ร้อยละ 83.3 เห็นว่าคือ แนวโน้มทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย และสภาพคล่องในตลาดเงิน ส่วนปัจจัยต่างประเทศนั้น ร้อยละ 66.7 ให้น้ำหนักต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางยุโรป

ด้านปัจจัยที่มีผลกระทบเชิงลบต่อตลาดนั้น นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ให้น้ำหนักกับ ปัจจัยการเมืองในประเทศ ถึง 83.3 รองลงมาคือ ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ร้อยละ 54.2 และภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของไทย ร้อยละ 50

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์และผู้ลงทุนสถาบัน คาดว่า ราคาทองคำสิ้นปี 58 จะเฉลี่ยอยู่ที่ 19,506 บาทต่อบาททองคำ ซึ่งสูงกว่าคาดการณ์ครั้งที่ผ่านมาเล็กน้อย หรือ ร้อยละ 3 (คาดการณ์เดิมอยู่ที่ 18,884 บาทต่อบาททองคำ) และ ณ สิ้นปี 59 ราคาจะเฉลี่ยอยู่ที่ 20,454 บาทต่อบาททองคำ ซึ่งสูงกว่าคาดการณ์เดิม ร้อยละ 2.9

ขณะที่คาดว่าราคาน้ำมันน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และมีแนวโน้มขึ้นมากกว่าลง โดยมีเหตุผลสนับสนุน คือ  ตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ

ทั้งนี้ คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ Brent ปี 58 จะอยู่ที่เฉลี่ย 61.6 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งลดลงจากครั้งก่อน 4.5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ที่อยู่ระดับ 66.1 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และปี 59 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 70.1 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์เดิมที่ 71.9 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเล็กน้อย ราว 1.8 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ขณะที่นักวิเคราะห์และผู้ลงทุนสถาบันประเมินว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP Growth) ปี 58 จะอยู่ที่เฉลี่ย 3.2% ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์เดิมที่ ร้อยละ 3.8 แต่ปี 59 จะปรับเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่เฉลี่ย ร้อยละ 3.8

กำไรต่อหุ้นของตลาดในปี 58 และ 59 อยู่ที่ 96.8 บาท (ลดลงจากประมาณการครั้งก่อนที่ 107.0 บาท) และ 109.5 บาท มีอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้น (EPS Growth) ปี 58 อยู่ที่เฉลี่ย ร้อยละ 22.1 สูงกว่าคาดการณ์ครั้งก่อนที่ ร้อยละ 15.0 สำหรับปี 59 คาดว่าจะอยู่ที่เฉลี่ย ร้อยละ 13.0

หากพิจารณากำไรรายกลุ่ม พบว่า กลุ่มธุรกิจที่มี EPS Growth เติบโตสูงสุดในปี 58 คือ กลุ่มปิโตรเคมี (ร้อยละ 88.12) และรองลงมาคือกลุ่มพลังงาน (ร้อยละ 72.66) สำหรับปี 59 กลุ่มธุรกิจที่ EPS Growth จะเติบโตสูงสุด คือ กลุ่มอาหาร (ร้อยละ 18.01) รองลงมาคือกลุ่มปิโตรเคมี (ร้อยละ 14.24)

สำหรับคำแนะนำนักลงทุน แนะทยอยซื้อสะสมเมื่อราคาปรับตัวลดลง โดยเลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง มีเงินปันผลสม่ำเสมอ มีกระแสเงินสดมั่นคง

หุ้นที่นักวิเคราะห์แนะนำ ให้ลงทุนตรงกันหลายสำนัก ได้แก่ ADVANC, KBANK, KTB, SCC และ THCOM เป็นต้น

 

ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์

Back to top button