SENA ลั่นรายได้ปี 61 มาตามนัด 5.2 พันลบ. เล็งพัฒนาที่ดินย่านพัทยารับ EEC

นางสาวอธิกา บุญรอดชู ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สายงานจัดสรรเงินทุนและการลงทุน บริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าในช่วงไตรมาส 1/61 จะทำยอดขายได้ราว 4 พันล้านบาท จากเป้าหมายปีนี้ที่ 1.03 หมื่นล้านบาท หลังจากในช่วง 2 เดือนแรกของปีมีลูกค้าเข้ามาเยี่ยมชมโครงการและตัดสินใจซื้อมากขึ้น เพราะความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อฟื้นตัว

โดยวานนี้ (11 มี.ค.61) บริษัทเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียม The Niche Pride เตาปูน มูลค่าโครงการรวม 3.4 พันล้านบาท ซึ่งหลังเปิดขายเพียงแค่วันเดียวสามารถทำยอดขายได้ถึง 36% ของมูลค่าโครงการ หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท จึงมองว่าเป็นภาพของการฟื้นตัวที่ดีขึ้นในแง่ยอดขาย

ทั้งนี้ ในไตรมาส 1/61 บริษัทมีแผนเปิดโครงการทั้งหมด 4 โครงการ ได้แก่ โครงการ The Niche Pride เตาปูน ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนกับพันธมิตรญี่ปุ่น คือ ฮันคิวเรียลตี้, Niche ID บางแค เฟส 2, Niche ID พระราม 2 เฟส 3 และ Niche ID เสรีไท เฟส 2 ส่วนไตรมาส 2/61 จะเปิดเพิ่มอีก 1 โครงการ คือ Niche Mono ติวานนท์

นอกจากนี้ ในเดือน มี.ค.บริษัทเตรียมออกหุ้นกู้ชุดใหม่มูลค่า 1.5 พันล้านบาท อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.4% ต่อปี เพื่อนำมาทดแทนหุ้นกู้ชุดเดิมที่ครบกำหนดอายุในเดือน มี.ค.นี้ 800 ล้านบาท และอีก 700 ล้านบาทจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัท

อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดจะเห็นการเติบโตของยอดขายอย่างมีนัยสำคัญในช่วงไตรมาส 3/61 เพราะเป็นไตรมาสที่มีการเปิดตัวโครงการใหม่มากที่สุดถึง 8 โครงการ ซึ่งจะมีโครงการที่เป็นไฮไลท์บนทำเลเอกมัย ซึ่งเป็นแบรนด์ใหม่ของ SENA โดยที่บริษัทมั่นใจว่ายอดขายในปีนี้จะทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

ส่วนรายได้ของบริษัทในปีนี้มั่นใจทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์อยู่ที่ 5.2 พันล้านบาท ซึ่งจะมาจากการรับรู้รายได้จากมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ในปีนี้กว่า 2 พันล้านบาท จาก Backlog ทั้งหมด 4.8 พันล้านบาท โดยส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้ไปถึงปี 63

ขณะที่รายได้ของธุรกิจโซลาร์ในปีนี้ตั้งเป้าอยู่ที่ 480 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 279 ล้านบาท โดยจะมาจากการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปให้กับพันธมิตรเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะโฮมโปร และเซเล่น อีเลฟเว่น ที่มีแผนการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปตามสาขาต่างๆเพิ่มขึ้นในปีนี้ จากปีก่อนที่ติดตั้งไป 6 และ 10 สาขา ตามลำดับ

พร้อมกันนี้ บริษัทตั้งงบซื้อที่ดินในปีนี้ที่ 2 พันล้านบาท โดยในเร็วนี้ๆ มีแผนซื้อที่ดินย่านพัทยาในโครงการ Pattaya Country Club เพื่อรองรับการลงทุนในระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว โดยบริษัทมองเห็นถึงโอกาสที่จะมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในพัทยามากขึ้น หลังจากที่การลงทุนใน EEC เริ่มมีความคืบหน้ามากขึ้น