ARROW คงเป้ารายได้ปีนี้ 1.2 พันลบ. เชื่อครึ่งปีหลังผลประกอบการฟื้น

ARROW คาดรายได้ Q2/58 โตกว่า Q2/57 ราว 20% หลังรับงานมากขึ้น คงเป้ารายได้ปีนี้แตะ 1.2 พันลบ. เผยมี Backlog 180-200 ลบ. คาดมีงานใหม่ทยอยเข้ามาต่อเนื่อง มองสัดส่วนรายได้ตปท. ปีนี้เพิ่มเป็น 10% จากเดิม 8%


นายธานินทร์ ตันประวัติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอร์โรว์ ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) หรือ ARROW เปิดเผยว่า บริษัทคงเป้ารายได้ปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% หรือประมาณ 1,200 ล้านบาท จากปัจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) ราว 180-200 ล้านบาท และคาดว่าจะมีงานใหม่ทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่องทั้งจากภาครัฐและเอกชน อีกทั้งจะรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้ให้ไม่ต่ำกว่า 25% จากการปรับลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการส่งออกไปยังต่างประเทศในปีนี้ขึ้นเป็น 10% จากเดิมอยู่ที่ 8% โดยยังคงเน้นงานในประเทศมากกว่า เนื่องจากในประเทศมีงานโครงการออกมาจำนวนมาก ทำให้บริษัทมีสัดส่วนรายได้ภายในประเทศมากถึง 90%

โดยบริษัทยังคงนโยบายการทำงานเหมือนเดิมอยู่ยังไม่มีอะไรเปลี่ยน ยังคงมองหาตลาดส่งออกใหม่ๆเพิ่ม แต่ยังคงเน้นการสร้างรายได้ภายในประเทศมากกว่า ซึ่งจะเห็นได้ว่าในปีนี้งานโครงการภาครัฐถือว่าทยอยออกมาค่อนข้างมาก โดยปัจจุบันเรามีงานในมืออยู่ 180-200 ล้านบาท ซึ่งก็จะทยอยรับรู้ในปีนี้ และก็จะมีงานใหม่ๆเข้ามาเพิ่มอีก ทำให้งานในมือเราก็จะอยู่ประมาณนี้ ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นน่าจะโตไม่ต่ำกว่า 25% ได้ ซึ่งเราก็ยังคงดำเนินการลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง

สำหรับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/58 คาดว่ารายได้และกำไรจะลดลงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นช่วงที่มีวันหยุดจำนวนมากและเป็นช่วงโลซีซั่นของธุรกิจ ขณะที่หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มองว่าไตรมาส 2/58 จะดีกว่าไตรมาส 2/57 หรือเติบโตได้ราว 20% เป็นผลจากงานโครงการในปีนี้เริ่มทยอยออกมามากขึ้น

ขณะที่มองว่าผลประกอบการจะฟื้นตัวดีขึ้นในช่วงไตรมาส 3/58 ที่ถือว่าเป็นช่วงไฮซีซั่น โดยคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้น และอัตรากำไรสุทธิจะดีกว่าไตรมาส 1/58 จากปัจจุบันอยู่ที่ 31% และ 19% ตามลำดับ

โดยปัจจุบันบริษัทยังมีใบสั่งซื้อสินค้าที่อยู่ระหว่างดำเนินการผลิตคิดเป็นจำนวนมากกว่า 171 ล้านบาท และยังอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างโรงงานท่อร้อยสายไฟใต้ดินชนิดอีพ็อกซีเรซินเสริมใยแก้ว บนพื้นที่ 8 ไร่ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนพ.ค.นี้ เบื้องต้นวางงบลงทุนราว 25 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยเสริมรายได้ในอนาคตสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ใช้กับงานปรับปรุงระบบเดินสายใต้ดินที่จะเกิดขึ้นจากการปรับปรุงระบบการเดินสายของภาครัฐ

 

Back to top button