ได้เวลาช้อน PLANB หลังร่วงกว่า 4% โบรกฯชี้กำไรปี 61 โต 27% ชูเป้า 7.80 บาท
ได้เวลาช้อน PLANB หลังร่วงกว่า 4% โบรกฯชี้กำไรปี 61 โต 27% ชูเป้า 7.80 บาท โดย ณ เวลา 15.03 น. ราคาอยู่ที่ 5.75 บาท ลบ 0.25 บาท หรือ 4.17% สูงสุดที่ 6.05 บาท ต่ำสุดที่ 5.65 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 111.80 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หุ้นบริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANB ณ เวลา 15.03 น. ราคาอยู่ที่ 5.75 บาท ลบ 0.25 บาท หรือ 4.17% สูงสุดที่ 6.05 บาท ต่ำสุดที่ 5.65 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 111.80 ล้านบาท
ทั้งนี้ ราคาหุ้นยังปรับตัวลดลงทำจุดต่ำสุดในรอบเกือบ 7 เดือน นับตั้งแต่ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 5.70 บาท เมื่อวันที่ 30 ส.ค.60
อย่างไรก็ตาม แม้ราคาหุ้นจะปรับตัวลดลงในวันนี้ แต่นักวิเคราะห์ยังคงแนะนำ “ซื้อ” เนื่องจากผลการดำเนินงานยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าในปี 61-62 จะมีกำไรเติบโตเฉลี่ยปีละ 27%
ด้าน บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ (16 ก.พ.) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 7.80 บาท/หุ้น โดย PLANB ประกาศกำไรสุทธิปี 60 อยู่ที่ 461 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% จากปีก่อน กำไรต่ำกว่าที่เราคาดไว้ 8% เนื่องจากรอัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่าที่เราคาดไว้ และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นมากกว่าคาด ด้านรายได้ปี 60 เพิ่มขึ้น 23% จากปีก่อน มีอัตราเติบโตมากกว่าอุตสาหกรรมสื่อ OOH media ปี 60 ที่เติบโต 13% จากปีก่อน
โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากการรับรู้รายได้จากการขยายสื่อใหม่ๆ เพิ่มขึ้นและมีอัตราการใช้สื่อโฆษณา (Utilization rate) ทุกสื่อรวมกันเพิ่มขึ้นราว 68% จาก 58% จากปีก่อน โดยเฉพาะสื่อดิจิตอลมีเดียและสื่อใหม่สนามบินที่เพิ่มขึ้นในปีที่ผ่านมา อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 34% เพิ่มขึ้นจาก 32% จากปีก่อน จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นในขณะที่ต้นทุนส่วนใหญ่เป็นต้นทุนคงที่ บริษัทรับรู้รายได้จากการบริหารลิขสิทธิ์ฟุตบอล 133 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม PLANB มีมตินำเสนอผู้ถือหุ้นในการเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate : GM) จำนวน 1,059 ล้านหุ้น ราคาพาร์ 0.1 บาท โดยแบ่งเสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิม (Rights offering) และบุคคลในวงจำกัด (Private Placement) จำนวน 706 ล้านหุ้น และ 353 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 20% และ 10% ของทุนจดทะเบียน ตามลำดับ ทั้งนี้การเพิ่มทุน GM เป็นการเพิ่มทางเลือกในการจัดหาเงินทุนเพื่อรองรับโอกาสการเติบโตในการลงทุนใหม่ของบริษัทในอนาคต
โดยทางเลือกแรก บริษัทจะใช้การกู้ยืมจากสถาบันการเงินก่อน ซึ่งปัจจุบัน PLANB มีอัตราส่วน D/E เพียง 0.3x เท่านั้น เทียบกับบริษัทกำหนดสัดส่วนการกู้ยืมสูงสุดที่ไม่เกิน 1.5X หรือแสดงนัยถึงบริษัทสามารถกู้ยืมได้ถึง 4 พันล้านบาทก่อนการเพิ่มทุน นอกจากนี้ หากมีการเข้าซื้อกิจการใหม่ (M&A) ที่ต้องใช้เงินลงทุนเกิน 50% ของสินทรัพย์รวม หรือมากกว่าราว 2 พันล้านบาท บริษัทจะต้องขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นก่อน
ทั้งนี้ มองว่าหากการระดมทุนเพื่อใช้ในการ M&A เกิดขึ้นจริงจะส่งผลบวกต่อบริษัทในการสร้างการเติบโตในอนาคต เนื่องจากบริษัทมีหลักเกณฑ์ในการลงทุน M&A ที่จะลงทุนนั้นต้องมีผลตอบแทน (IRR) จากโครงการนั้นไม่ต่ำกว่า 20%
สำหรับแนวโน้มกำไรสุทธิไตรมารส 1/61 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน จากอัตราการเช่าสื่อโฆษณาเพิ่มขึ้นเป็น 65% จาก 60% จากปีก่อน จากสื่อโดยรวมเพิ่มขึ้นและสื่อโฆษณาบนรถโดยสารใหม่เพิ่มขึ้น 100 คันในเดือน มี.ค. และอีก 390 คันเข้ามาเดือน มิ.ย. ยังคงประมาณการเดิม คาดรายได้เติบโตต่อเนื่องจากการรับรู้รายได้จากการขยายสื่อใหม่ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาราว 30% และมีแผนจะเพิ่มขึ้นอีกปีละ 10% การขยายสื่อโฆษณาป้ายดิจิตอล 100 ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศรองรับแนวโน้มของเศรษฐกิจที่คาดจะฟื้นตัว
พร้อมทั้งคาดรายได้ปี 61-62 เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 18% (ยังไม่รวมสื่อต่างประเทศเนื่องจากสัดส่วนยังเล็กน้อยอยู่จากการเพิ่งเริ่มขยายสื่อ) และยังมีโอกาสเพิ่มขึ้นจากรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายที่คาดจะเริ่มในปี 62, รวมถึงการประมูลสื่อสนามบินเพิ่มขึ้น คาดอัตราการใช้สื่อรวมปี 61-62 อยู่ที่ 75% คาดบันทึกรายได้ค่าธรรมเนียมการบริหารลิขสิทธิ์ฟุตบอลที่ 25% ของรายได้การบริหารลิขสิทธิ์ที่ 700 และ 800 ล้านบาท ตามลำดับ คาดกำไรสุทธิปี 61-62 เติบโตเฉลี่ยปีละ 27%
โดยยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” จากการสื่อโฆษณาใหม่ในปีที่ผ่านที่จะเริ่มรับรู้รายได้เต็มปีในปีนี้และเริ่มรับรู้รายได้การบริหารสื่อลิขสิทธิ์ฟุตบอลและสื่อสนามบินเพิ่มขึ้น และยังมีโอกาสขยายสื่อไปต่างประเทศในกลุ่มอาเซียนเพิ่มขึ้น คาดกำไรสุทธิเติบโตต่อเนื่อง โดยมีราคาเป้าหมายที่ 7.8 บาท อ้างอิงวิธี DCF (WACC 8%,Terminal Growth 2.5%) PE18F อยู่ที่ 34X เทียบเท่า PEG18F 0.7X ต่ำกว่ากลุ่มอุตสาหกรรมสื่อมีเดียอยู่ที่ 1.2X ความเสี่ยง : สภาวะเศรษฐกิจที่ยังซบเซาส่งผลต่อการใช้จ่ายงบโฆษณา