LIT เร่งเพิ่มสัดส่วนสินเชื่อเอกชน-มั่นใจปี 58 รายได้โตเข้าเป้ากว่า 30%
LIT เร่งเพิ่มสัดส่วนสินเชื่อเอกชน-มั่นใจปี 58 รายได้โตเข้าเป้ากว่า 30%
นายสมพล เอกธีรจิตต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลีซ อิท จำกัด (มหาชน) หรือ LIT เปิดเผยว่า การที่สถาบันการเงินคุมเข้มปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) เนื่องจากกังวลปัญหาเศรษฐกิจ ถือเป็นโอกาสสำคัญในการขยายสินเชื่อแฟคตอริ่งของบริษัทในการขยายฐานลูกค้าในส่วนของภาคเอกชน โดยในปีนี้ถือเป็นปีแรกที่บริษัทรุกตลาดภาคเอกชนเอย่างหนัก โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนลูกค้าภาคเอกชนเพิ่มเป็น 30% จากเดิมมีสัดส่วนเพียง 20% ของสินเชื่อรวมเท่านั้น ส่วนที่เหลือยังคงเป็นสินเชื่อที่ปล่อยให้กับหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจ
“ปีนี้ถือเป็นปีที่ดีสำหรับการขยายตลาดสู่ภาคเอกชนขนาดใหญ่ เพราะตลาดยังมีช่องว่างให้เข้าไปเพิ่มฐานลูกค้า อีกทั้งยังมีแผนร่วมมือกับพันธมิตรคู่ค้าเจาะตลาดใหม่ เพื่อปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อนอกเหนือจากสินค้าไอที เพราะ “ลีซ อิท ” ไม่ใช่แค่ “ลีซ ไอที” แต่เราคือผู้ให้บริการสินเชื่อที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าได้อย่างครบวงจร”นายสมพล กล่าว
นายสมพล กล่าวว่า เชื่อว่าในช่วงจากนี้ไปการลงทุนภาครัฐจะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) ที่เป็นคู่ค้าภาครัฐ มีความต้องการสินเชื่อแฟคตอริ่งมากขึ้น และเข้ามาติดต่อขอรับสินเชื่อกับบริษัท เนื่องจากมีจุดแข็งในการปล่อยสินเชื่อเอสเอ็มอี อนุมัติเงินกู้ให้ลูกค้าได้รวดเร็ว ให้วงเงินสูง และที่สำคัญไม่จำเป็นต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน
สำหรับการบริหารความเสี่ยง LIT มีทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจ และมีการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถสกรีนลูกค้าที่มีศักยภาพ ส่งผลให้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) อยู่ในระดับต่ำกว่า 2% เท่านั้น เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมอยู่ที่ 3-4% ของสินเชื่อรวม และบริษัทจะรักษาระดับเอ็นพีแอลไม่ให้เกิน 2%
นายสมพล กล่าวว่า ในปีนี้คาดว่ายอดหนี้สินเชื่อคงเหลือน่าจะแตะที่ระดับ 1,150 ล้านบาท และบริษัทได้เตรียมแผนรองรับไว้แล้ว โดยเตรียมออกหุ้นกู้ในวงเงินประมาณ 500 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาความเหมาะสมของเวลาเพื่อให้ได้ต้นทุนที่ถูกที่สุด และการที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 2 ครั้งติดต่อกัน ตั้งแต่ต้นปี โดยดอกเบี้ยอาร์พีลดจาก 2% เหลือ 1.50% จะทำให้ต้นทุนในการดำเนินธุรกิจลดลง
ส่วนผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 1/58 มีรายได้รวม 42.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 27.4 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 15.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 72 % เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 9.10 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการที่รัฐบาลเร่งหน่วยงานภาครัฐใช้จ่ายงบประมาณประจำปี 2558 ที่ยังค้างท่อ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ พอร์ตสินเชื่อรวมในไตรมาส 1/58 อยู่ที่ 912.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.3% จากสิ้นปีที่ผ่านมามีพอร์ตสินเชื่อรวมอยู่ที่ 859.04 ล้านบาท และแนวโน้มในช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่าจะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้มั่นใจว่ารายได้และกำไรของบริษัทในปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% ตามแผนที่วางไว้