ศึกนี้ยังไม่จบ! “อรอร อัครเศรณี” แจ้งความดำเนินคดี “สุทธิชัยและพวก”

ศึกนี้ยังไม่จบ! “อรอร อัครเศรณี” แจ้งความดำเนินคดี “สุทธิชัยและพวก”


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.00 น. ของวันวานนี้ (26 พ.ค.)  นางสาว  อรอร  อัครเศรณี  ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษที่  สน. ทองหล่อ  เพื่อขอให้ดำเนินคดีกับประธานและกรรมการบริษัทเนชั่น รวม 9 คนในข้อหา หมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 มาตรา 326 มาตรา 328 และ พรบ. คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14(1)  ประกอบไปด้วย

1. นายสุทธิชัย แซ่หยุ่น

2. นายพนา จันทรวิโรจน์

3. นายเชวง จริยะพิสุทธิ์

4. นายปกรณ์ ปริมาสพร

5. นางสาวดวงกมล โชตะนา

6. นายเสริมสิน สมะลาภา

7. นายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ

8. นางสาวเขมกร วชิรวรากร

9. นายณิทธิมน หัสดินทร ณ อยุธยา

โดยเมื่อวันที่ 6 พ.ค. 2558 เนชั่นฯ โดยนายณิทธิมน หัสดินทร ณ อยุธยา ประธานกรรมการได้มีหนังสือชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์กรณีไม่อนุญาตให้ผู้ถือหุ้นบางรายเข้าร่วมประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2558 ตามหนังสือชี้แจงระบุว่า นายณิทธิมน มีข้อสงสัยอันสมควรจากข่าวที่ปรากฏแพร่หลายว่า มีกลุ่มบุคคลกลุ่มหนึ่งได้เข้าถือหุ้นของเนชั่นฯ โดยมีเจตนาที่จะร่วมกันครอบงำกิจการของเนชั่นฯ โดยที่มิได้ปฏิบัติให้เป็นไปโดยถูกต้องด้วยกฎหมาย และหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการครอบงำกิจการ 

ตามหนังสือชี้แจงดังกล่าวได้มีเอกสารแนบรายชื่อและสัดส่วนการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นกลุ่มใหม่ที่ไม่ได้ รับอนุญาตให้เข้าร่วมประชุมในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น โดยรายชื่อตามเอกสารแนบมีรายชื่อของนางสาวอรอร รวมอยู่ด้วย เอกสารแนบดังกล่าว เนชั่นฯ ได้ส่งให้แก่ตลาดหลักทรัพย์ฯ และนำออกเผยแพร่ในเว็บไซด์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ www.set.or.th ซึ่งประชาชนทั่วไปสามารถเปิดอ่านได้โดยไม่มีข้อจำกัด

นางสาวอรอร  กล่าวว่า  สาเหตุที่เข้าแจ้งความครั้งนี้  เพราะถูกกล่าวหามาหลายครั้งแล้ว  ซึ่งหนังสือชี้แจงในนามคณะกรรมการเนชั่นฯ  ที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์เป็นการกล่าวเท็จใส่ความ  ทำให้ตนเสื่อมเสียชื่อเสียง  อีกประการหนึ่ง  ตนไม่เคยเป็นนอมินีของใคร  และคงไม่รอพึ่งตลาดหลักทรัพย์หรือ  ก.ล.ต.  ตนขอใช้สิทธิ์ทางกฏหมายร้องทุกข์และเตรียมดำเนินคดีเพิ่มอีก 

จากสาเหตุที่ถูกกีดกันการเข้าร่วมประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของเนชั่นฯ  อีกทั้งก่อนหน้านี้ยังถูกโยงโดยการเอาเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง  ซึ่งเป็นวิธีสกปรกที่ทำให้เกิดความเกลียดชังได้อย่างง่ายดาย  ตนมองว่าฝ่ายกำกับดูแลตลาดหลักทรัพย์ไม่มีการกำกับดูแลอย่างเป็นธรรม  ควรควบคุมให้บริษัทมหาชนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มีธรรมาภิบาลและไม่กระทำผิดกฏหมายเช่นนี้   ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ตนเกิดความกังวลในแง่ของการดูแลปกป้องผลประโยชน์ของนักลงทุน  ในฐานะที่ตนก็เป็นนักลงทุนคนหนึ่งด้วย  และยังกล่าวต่ออีกว่า  เป็นห่วงภาพลักษณ์ตลาดทุนไทยในสายตานักลงทุนต่างชาติ   ทุกคนควรเคารพสิทธิของผู้อื่นและดำรงอยู่ภายใต้กฏหมาย  ไม่ควรให้ใครมีอภิสิทธิ์เหนือกว่า  ไม่ว่าจะมีสถานะเป็นสื่อ  หรือสถานะใดก็ตาม  ยิ่งเป็นสื่อแล้วยิ่งควรจะทำตนเป็นแบบอย่างที่ดีของนักลงทุนและประชาชนทั่วไป

Back to top button